ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ที่เข้ามารับทำคดีนี้ เพราะเห็นว่า พระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม ถูกกลั่นแกล้ง ถูกยื่นหนังสือร้องเรียนถึง 3 ครั้ง ครั้งแรก ถูกร้องเรียน 6 เรื่อง ต่อมาวันที่ 10 ก.ค.62 นายชาญณรงค์ ได้ทำหนังสือถึงเจ้าคณะแขวงยานนาวา ขอถอนคำร้อง ระบุว่าไม่พบการทุจริตตามที่ร้องเรียน
จนกระทั่งวันที่ 4 ก.พ.63 นายชาญณรงค์ มายื่นหนังสือถึงสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นครั้งที่ 2 ร้องเรียนจาก 6 เรื่อง เหลือ 3 เรื่อง คือ เจ้าหน้าที่เผาศพของวัดไม่หมดแล้วนำศพไปโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา ,ทำบัญชีรายรับรายจ่ายไม่ถูกต้องมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตจนเป็นเหตุให้เงินของวัดสูญหายไป 95 ล้านบาท และนำเงินของวัดไปสร้างรีสอร์ตของตนเองที่เชียงราย
ต่อมา พระธรรมสุธี รักษาการแทนเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ได้ทำหนังสือถึง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.63 ว่า ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ไม่ปรากฏความผิดตามที่นายชาญณรงค์ ร้องเรียนมา แต่เพื่อความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ทางคณะสงฆ์จึงตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ถึง 2 ครั้ง ในวันที่ 11 มี.ค.64 และช่วงปลายปี64
หลังจากทราบผลการตรวจสอบของคณะสงฆ์ ทำให้นายชาญณรงค์ ไม่พอใจ ตามสื่อมาแถลงข่าวเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่าพระสุธีรัตนบัณฑิต ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ทุจริตยักยอก เงินของวัด 95 ล้านบาท นำเงินไปซื้อที่ดิน สปก.ที่ จ.สระบุรี และ จ.เชียงราย มูลค่ากว่า 3.8 ล้านบาท รวมถึงเรื่องการเผาศพไม่หมดแล้วนำไปทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา แต่คณะสงฆ์กลับปกปิดให้การช่วยเหลือพระสุธีรัตนบัณฑิต
จากข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้น ความจริงก็คือ พระสุธีรัตนบัณฑิต ไม่เคยมีพฤติกรรมดังกล่าวตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด พร้อมทั้งชี้แจงความโปร่งใสถึงเงินจำนวนดังกล่าวที่ได้เบิกจ่ายไป ก็ได้ทำบัญชีถูกต้องตามระเบียบคณะสงฆ์ ส่วนกรณีเผาศพไม่หมดแล้วนำไปโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยานั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมาทางวัดสุทธิวรารามได้ดำเนินการตามระเบียบของกรุงเทพมหานครอย่างเคร่งครัด และไม่เคยมีญาติของผู้เสียชีวิตรายใดมาร้องทุกข์กล่าวโทษทางวัด
อีกทั้งไม่พบพยานตามที่นายชาญณรงค์ อ้างว่าเป็นบุคลากรภายในวัดอีกด้วย และในส่วนของที่ดิน สปก.ที่ซื้อไว้นั้น ปัจจุบันก็ใช้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมของวัดสุทธิวราราม ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดทางคณะสงฆ์ได้สอบสวนข้อเท็จจริงด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ได้มีการช่วยเหลือพระสุธีรัตนบัณฑิต แต่อย่างใด
ดังนั้น จากการกระทำของนายชาญณรงค์ ทำให้สำนักข่าวต่างๆ นำเสนอข่าวเท็จ หมิ่นประมาทพระสุธีรัตนบัณฑิต ให้ ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชนที่ไม่ทราบความจริง
ส่วนสาเหตุที่นายชาญณรงค์ ร้องเรียนน่าจะมาจากความไม่พอใจที่ถูกตัดอำนาจการเบิกถอนเงิน หรือเก็บเงินค่าที่จอดรถ และถูกปลดจากไวยาวัจกร เพราะประพฤติตัวไม่เหมาะสม ชอบด่าพระเณร และเจ้าหน้าที่ภายในวัด อีกทั้งทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล และยิ่งไปกว่านั้น ร้านนวดแผนโบราณภายในวัด ที่ภรรยาของนายชาญณรงค์ เป็นเจ้าของนั้น ถูกสั่งปิด จึงทำให้ไม่พอใจ และผูกใจเจ็บตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา