โดยนางการะเกต เล่าว่า วันที่ 26 ก.ค.65 ที่ผ่านมา ขณะนั่งเย็บผ้าอยู่ที่บ้านมีข้อความแจ้งเตือนในมือถือ พอเปิดดูพบว่าเป็นแอปธนาคารแจ้งว่ามียอดเงินโอนเข้าบัญชี ธกส.ไล่เลี่ยกันจำนวน 3 ยอด คือเวลา 10.26 น. จำนวน 2 ยอดครั้งละ 1,800 บาท และเวลา 10.39 น. อีก 1 ยอด 1,800 บาท รวมเป็นเงิน 5,400 บาท ก็แปลกใจว่าเป็นเงินอะไรโอนมาจากไหน จึงได้ไปปรึกษาเพื่อนบ้าน เขาก็แนะนำให้ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งตนก็ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ห้วยราชการ ในวันที่ 26 ก.ค.ทันที เพื่อยืนยันว่าไม่รู้ที่ไปที่มาของเงินและไม่ได้ยื่นกู้อะไร ทั้งไปสอบถามธนาคารให้ช่วยตรวจสอบว่าเงินที่โอนมามาจากที่ไหน จากการตรวจสอบพบเงินที่โอนมา 3 ยอดๆ ละ 1,800 บาท ต้นทางเป็นชื่อผู้ชาย 2 บัญชี อีก 1 บัญชี เป็นชื่อผู้หญิง ซึ่งตนก็ไม่ได้ยุ่งกับยอดเงินปริศนาที่โอนมาเลยยังอยู่ในบัญชีครบทุกบาท แต่แก๊งมิจฉาชีพก็ยังโทรมาทวงและข่มขู่ทั้งตัวเองและคนรู้จักทุกวัน จนรู้สึกเครียดและกลัว เพราะไม่รู้ว่าแก๊งมิจฉาชีพรู้ข้อมูลส่วนตัวและเบอร์โทรทั้งของตนเองและคนที่รู้จักได้ยังไง ตอนนี้กลัวมากเพราะที่บ้านมีทั้งแม่ที่แก่ชรา พี่สาวพิการ อยู่บ้าน ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามแก๊งมิจฉาชีพดังกล่าวมาดำเนินคดี
น.ส.ประกอบ การรัมย์ อายุ 59 ปี พี่สาวซึ่งพิการแขนขาลีบ พูดทั้งน้ำตาว่าสงสารน้องสาวที่ถูกแก๊งมิจฉาชีพทวงเงินทั้งที่ไม่ได้ไปกู้ยืมอะไร ส่วนตัวเองซึ่งพิการเคลื่อนไหวไปมาลำบากก็กลัวจะถูกแก๊งมิจฉาชีพบุกเข้ามาทำร้ายถึงในบ้านตามที่เขาข่มขู่เอาไว้ ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับกุมตัวมาดำเนินคดีด้วย
ขณะที่ น.ส.ดุษฎี โกติรัมย์ อายุ 39 ปี หนึ่งในเพื่อนบ้านที่ถูกแก๊งมิจฉาชีพโทรคุกคาม บอกว่า ตนเองก็ถูกมิจฉาชีพโทรมาคุกคามทวงถามเงินโดยอ้างว่า นางการะเกต ไปกู้เงินออนไลน์แล้วไม่จ่าย แต่พอตนไปสอบถาม นางการเกต ก็ยืนยันว่าไม่เคยไปกู้ยืมเงินออนไลน์หรือสมัครอะไรในมือถือเลย แต่เจ้าตัวบอกว่ามีเงินโอนเข้ามาในบัญชีจริงแต่ไม่รู้ที่ไปที่มาของเงินและไม่ได้นำเงินไปใช้ ตนจึงแนะนำให้ไปแจ้งความ จากกรณีดังกล่าวตนก็แปลกใจว่าคนร้ายรู้ข้อมูลส่วนตัว เบอร์มือถือของนางการเกต และคนที่รู้จักกับนางการะเกต ได้อย่างไร หากคนร้ายมีวิธีการที่สามารถแฮ็กข้อมูลในมือถือได้ก็ถือเป็นสิ่งที่อันตรายและเป็นภัยต่อประชาชนมาก ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้ช่วยติดตามจับกุมแก๊งดังกล่าวมาดำเนินคดีด้วย เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก