นางสาวเอ เล่าว่า ทางโรงเรียนแจ้งให้ทราบว่า หลานสาวมีเรื่องชู้สาวในหอพัก ให้ผู้ปกครองมาพบ จึงเดินทางไปพบเพื่อขอข้อมูล แต่ทางรอง ผอ. และครูฝ่ายปกครอง บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการสมยอมของเด็กนักเรียนที่นัดเพื่อนชายมา โดยทางโรงเรียนสรุปว่าเป็นการสมยอมกัน ทำผิดกฎโรงเรียนจะให้ออก แต่กลัวเด็กเสียอนาคตจึงให้โอกาสเด็กเรียนต่อ โดยยื่นขอเสนอให้ผู้ปกครองเซ็นยินยอมให้ทางโรงเรียนฉีดยาคุมไว้ จากนั้นพยายามจะเอาหลานกลับบ้าน แต่ทางโรงเรียนไม่ยินยอมอ้างว่าเด็กกำลังใกล้สอบ สุดท้ายสามารถเอาหลานกลับมาบ้านได้ โดยได้ร้องไปทางกระทรวงศึกษาธิการ แต่สุดท้ายไม่ได้รับคำตอบจากกระทรวงฯ จนเข้าแจ้งความต่อ พงส.สภ.เมืองเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.65 เพื่อให้ทีมสหวิชาชีพสอบปากคำเด็กในวันที่ 27 ก.ย.65
สำหรับเหตุการณ์นางสาวเอ เล่าว่าเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 65 ประมาณเกือบเที่ยงคืน มีนักเรียนชาย 4 คน ขึ้นมาที่หอพักกักตัวเด็กนักเรียนหญิงที่ติดโควิดกว่า 30 คน แล้วไปนอนนักเรียนหญิง 4 คน ต่อหน้าเพื่อนในห้องกว่า 30 คน
จากนั้นมาวันที่ 24 ส.ค. 65 เวลา 5 ทุ่ม ขณะที่นอนอยู่นั้น เห็นมีนักเรียนชายกลุ่มเดิม มาด้วยกัน 6 คน มานอนกับนักเรียนหญิง 5 คน เหลือคนที่ 6 เข้ามาบังคับข่มขืนจนเสร็จกิจต่อหน้าเพื่อกว่า 30 คน จากนั้นเพื่อนอีก 5 คน ได้ออกจากหอพักไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนนักเรียนหญิงในห้อง ที่เห็นเหตุการณ์ไม่กล้าร้อง เพราะโดนข่มขู่ไม่ให้ยุ่งไม่งั้นกูจะเล่นงานมึง จากนั้นครูเรียกไปสอบถาม และบังคับให้บอกกับผู้ปกครองว่าเป็นการสมยอม