ข่าวออนไลน์7HD

เรืองไกร จี้ป.ป.ช. ตรวจสอบทรัพย์สิน สว.อุปกิต อาจเชื่อมโยงนักธุรกิจชาวเมียนมา ผู้ต้องหาคดียาเสพติด

เรืองไกร จี้ป.ป.ช. ตรวจสอบทรัพย์สิน สว.อุปกิต อาจเชื่อมโยงนักธุรกิจชาวเมียนมา ผู้ต้องหาคดียาเสพติด
จากกรณีสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ป.ป.ส.) เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมตัวนักธุรกิจชาวเมียนมา และสมุน 3 คน เนื่องจากพบเส้นทางการเงินเกี่ยวพันกับกลุ่มค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยทางสืบสวนยังพบว่านักธุรกิจชาวเมียนมาคนดังกล่าวยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจในประเทศเมียนมาและนักการเมืองไทย ต่อมา นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ออกมายอมรับว่าสนิทกับนักธุรกิจชาวเมียนมาจริง โดยทำธุรกิจขายไฟฟ้าร่วมกัน แต่ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ขอความเป็นธรรมให้เพื่อนนั้น

ล่าวุด วันนี้ (25 ก.ย.65) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ได้ส่งหนังสือถึง ป.ป.ช. ทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายอุปกิตว่ามีการยื่นโดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่  หลังนายอุปกิตออกมายอมรับว่า เคยรู้จักและทำธุรกิจไฟฟ้ากับนักธุรกิจชาวเมียนมา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ถูกทางการไทยจับกุมในคดียาเสพติด

นายเรืองไกร ระบุว่า ก่อนหน้านี้ นายอุปกิต ได้เคยยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ครั้งแรก กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา แจ้งว่ามีทรัพย์สินรวมกว่า 1,700 ล้านบาท ส่วนครั้งที่ 2 แจ้งว่ามีทรัพย์สินรวมกว่า 1,900 ล้านบาท  ซึ่งเท่ากับว่ามีรายการทรัพย์สินเพิ่มขึ้นถึง 200 กว่าล้านบาท แต่การแสดงบัญชีทรัพย์สินในครั้งที่ 2 กลับไม่มีชื่อกรรมการ ป.ป.ช. รับรองไว้เลย

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า นายอุปกิต ได้แจ้งว่า มีรายได้จากการขายหุ้น บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ 554.40 ล้านบาท และขายโรงแรมที่ท่าขี้เหล็ก 252 ล้านบาทเศษ และมีเงินให้กู้ยืมแก่บุคคลอื่นอีก 5 ราย เป็นเงิน 80.50 ล้านบาท  แต่ไม่มีการแสดงรายได้ดอกเบี้ยรับไว้แต่อย่างใด กรณีนี้จึงมีเหตุที่ขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบว่า รายได้จากการขายหุ้นและขายโรงแรมดังกล่าว รวมถึงการให้กู้ยืมเงิน มีการเสียภาษีหรือไม่อย่างไร  และการทำธุรกิจที่มีการอ้างว่านำเงินจากเมียนมาเข้ามาในประเทศไทย มีการแจ้งหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องหรือไม่