เรื่องนี้ต้องบอกว่า แซ่บมาตั้งแต่ครั้งที่พิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เพราะมีความเห็นต่างกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล โดยในการประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา โดย สส.พรรคภูมิใจไทย หนุนเต็มสูบ ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เห็นด้วย เพราะมีความเป็นห่วงว่าการยกเลิกดอกเบี้ย และเบี้ยปรับ จะทำให้ กยศ. ประสบปัญหาเรื่องเงินทุนหมุนเวียน และจะกระทบต่อวินัยการชำระหนี้ของผู้กู้ เสนอให้เก็บดอกเบี้ยในอัตราต่ำแทน โดยเตือนว่า การคิดถึงผลทางการเมืองเพื่อหาเสียงจะส่งผลกระทบในระยะยาว แต่สุดท้ายต้านทานไม่ไหว ร่างกฎหมายนี้ ผ่านความเห็นชอบของสภาฯ ส่งต่อให้สมาชิกวุฒิสภาพิจารณา
ซึ่งเมื่อวานนี้ ก็มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวางกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีมติรับหลักการด้วยคะแนน 179 ต่อ 4 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 27 คน เพื่อพิจารณาวาระ 2 ซึ่งแม้ว่าวุฒิสภาส่วนใหญ่จะผ่านความเห็นชอบร่างกฎหมายนี้ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ท้วงติงเรื่องผลกระทบจากการปลอดดอกเบี้ย และไม่เสียค่าปรับ
ขณะที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงต่อที่ประชุมวุฒิสภา ถึงปัญหาที่ให้ปลอดดอกเบี้ยและค่าปรับไว้ว่า จะนำมาถึงปัญหาขาดวินัยการชำระหนี้เงินกู้ ส่งผลให้เกิดอันตรายทางศีลธรรม ขาดจิตสำนึกส่งคืนเงินกู้ กระทบต่อการบริหารเงินกองทุนในอนาคต เพราะขาดรายได้จากดอกเบี้ย และเบี้ยปรับ จนต้องหันไปพึ่งงบประมาณแผ่นดินในอีกสามปีข้างหน้า จึงหวังให้กรรมาธิการฯ แก้ไขเนื้อหา เพื่อคงการเก็บดอกเบี้ยและเบี้ยปรับไว้
สำหรับข้อมูลการกู้เงินจาก กยศ. ณ วันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา พบว่า มีผู้กู้มากกว่า 6.4 ล้านราย แบ่งเป็นอยู่ระหว่างการชำระหนี้ 56% ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว 26% อยู่ในช่วงปลอดหนี้ 17% และเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอีก 1 %