ขมิ้น สมุนไพร Product Champion เพื่อเศรษฐกิจของสังคมไทย ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในตลาดโลก อย่างปีที่แล้วประเทศไทย ส่งออกขมิ้น สูงเป็นอันดับที่ 15 ของโลก มูลค่าเกือบ 100 ล้านบาทเลยทีเดียว
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจ เกี่ยวกับโอกาสทางการค้า สินค้าขมิ้นไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง หรือ Product Champion เพราะสามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย ทั้งวัตถุดิบสมุนไพร, เครื่องเทศ, สารสกัด น้ำมันหอมระเหย และใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร, เครื่องดื่ม, อาหารเสริม, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงร่างกาย และเครื่องสำอาง ซึ่งทุกวันนี้ เทรนด์การดูแลรักษาสุขภาพ และสนใจผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้สมุนไพร กลายเป็นสินค้ายอดฮิตในตลาดมากขึ้น ตำแหน่งของตลาดขมิ้นไทยบนโลกใบนี้ เราส่งออกได้มากเป็นอันดับที่ 15 ของโลก ด้วยมูลค่าการส่งออกที่เราทำได้ ประมาณ 98 ล้านบาท ส่วนตลาดที่ส่งออกมากที่สุดในโลก ได้แก่ อินเดีย รองลงมา คือ เนเธอร์แลนด์
อินเดีย ส่งขมิ้นไปตลาดโลกมากที่สุด แต่ไทยเราเอง ก็ส่งขมิ้นไปอินเดียมากที่สุดเช่นกัน คือมากกว่า 66% ของมูลค่าการส่งออกขมิ้นไทยทั้งหมด รองลงมา คือส่งไปสหรัฐอเมริกา 19.3% และเราก็ส่งไปเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเจ้าตลาดโลกอันดับ 2 เราส่งไป 6.4% ก็น่าคิดว่า เราส่งออกเป็นอันดับที่ 15 ของโลก ซึ่งประเทศที่เราส่งขมิ้นไปขาย กลับเป็นเจ้าตลาดอันดับ 1 และอันดับ 2 ของโลก
ขมิ้นของไทย หากได้รับการส่งเสริมที่ดี เชื่อว่าน่าจะมีโอกาสทางการค้าอีกมาก
เกษตรกร หรือผู้ประกอบการไทย อาจจะต้องศึกษารายละเอียดแบบลงลึก ปรับ หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสการขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้มากขึ้น ซึ่ง สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เขาก็ได้จัดทำข้อเสนอแนะ เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าสินค้าสมุนไพร เป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านการเพาะปลูก เกษตรกรยังมีโอกาสปลูกขมิ้น เพื่อสร้างรายได้ โดยภาครัฐต้องส่งเสริมการปลูกให้ได้มาตรฐานมากขึ้น เช่น ส่งเสริมให้เพาะปลูกในจังหวัดที่ดินมีความเหมาะสมสำหรับการปลูกขมิ้น อาทิ สระแก้ว กำแพงเพชร และอุดรธานี และด้านการแปรรูป และการสร้างมูลค่าเพิ่ม ด้วยการเข้าถึงเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ส่งเสริมการผลิตสารสกัดที่ได้มาตรฐาน เพื่อป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรม ส่งเสริมให้มีระบบตรวจสอบย้อนกลับสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค และสำคัญคือด้านการตลาด เพิ่มช่องทางการตลาดเชิงรุก เชื่อมโยงเกษตรกรกับภาคอุตสาหกรรมและบริการ ใช้ระบบเกษตรพันธสัญญา เพื่อความมั่นคงทางรายได้ของเกษตรกร ส่วนด้านการส่งออก ก็ควรเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปตลาดอื่น ๆ ให้มากขึ้นอีกด้วย
นอกเหนือจากที่กล่าวมาทั้งหมด ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ ก็ต้องหมั่นติดตามแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลิตสินค้าให้ตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เชื่อว่าขมิ้นไทยจะเป็นสินค้าที่เพิ่มมูลค่าในตลาดโลกได้ไม่น้อยเลยทีเดียว