ขุดบิตคอยน์-คริปโทฯ ลอบใช้ไฟเจอดีเอสไอจับกุม ทำรัฐเสียหาย 500 ล้าน

ขุดบิตคอยน์-คริปโทฯ ลอบใช้ไฟเจอดีเอสไอจับกุม ทำรัฐเสียหาย 500 ล้าน

View icon 1.7K
วันที่ 30 พ.ย. 2565 | 10.44 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
บิตคอยน์คริปโทฯ ผิดกฎหมายเจอจับ! ดีเอสไอทลายเครือข่ายลอบใช้ไฟหลวงทำเหมือง เสียหายกว่า 500 ล้าน เร่งสอบเอี่ยวนายทุนต่างชาติ

คริปโทฯ บิตคอยน์ ทำผิดกฎหมายเจอจับ วันนี้ (30 พ.ย. 2565) เมื่อเวลา 09.00 น. นายไตรยฤทธิ์  เตมหิวงศ์  อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เปิดยุทธการปราบโกงสายฟ้าฟาด หรือปฏิบัติการ “Electrical Shock”  เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัยลักกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้เป็นจุดทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล จำนวน 41 จุด ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีและกรุงเทพมหานคร ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละกว่า 500 ล้านบาท

การบุกค้นเหมืองคริปโทฯ ครั้งนี้ นายไตรยฤกธิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากดีเอสไอ ได้รับคำร้องเรียน การกระทำความผิดทางเทคโนโลยี  มีการลักลอบตั้งเหมืองขุดเงินดิจิทัลโดยเฉพาะบิตคอยน์โดยผิดกฎหมาย มีการนำเครื่องมือที่ใช้   ในการขุดบิตคอยน์มาจากต่างประเทศ และลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ทำให้ประเทศได้รับความเสียหาย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งการทำเหมืองขุดบิตคอยน์ดังกล่าวจะใช้กระแสไฟฟ้าปริมาณมากขนาดเทียบเท่ากับโรงงานอุตสาหกรรม แต่ลักลอบต่อไฟตรง  โดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟ อันเป็นการลักกระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา และอาจมีความผิดอาญาอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการสืบสวนพบกลุ่มนายทุนที่มีพฤติการณ์จัดหาอาคารพาณิชย์ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลกว่า 41 แห่ง เช่าไว้เพื่อใช้เป็นจุดวางเครื่องขุดเงินดิจิทัล โดยแต่ละอาคารจะวางเครื่องขุดเงินดิจิทัล จุดละประมาณ 30-100 เครื่อง ลักลอบต่อไฟตรงเข้าตัวอาคาร โดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟ ทำให้ เสียค่าไฟฟ้าต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก จากที่ต้องเสียค่าไฟฟ้าประมาณเดือนละ 500,000 บาทต่อแห่ง แต่มีการจ่ายค่าไฟจริงเพียงแห่งละประมาณ 300 - 2,000 บาทเท่านั้น ทำให้การไฟฟ้านครหลวงเสียหายกว่า 20 ล้านบาทต่อเดือน หรือปีละเกือบ 300 ล้านบาท  

จากการตรวจค้นเครือข่ายนี้ จุดสำคัญภายใน ซ.สามัคคี 28 ต.ท่าทราย อ.เมือง นนทบุรี พบนายเบล เป็นผู้ดูแล ครอบครองอาคารพาณิชย์ติดกัน 3 คูหา และอีก 2 คูหาแยกกัน รวมจัดเดียวมีอาคารพาณิชย์ 5 คูหา โดยปิดฝ้าหน้าอาคารเพื่อบดบังสายไฟที่ต่อตรงเข้าไปใช้ โดยเจ้าตัวนำเจ้าหน้าที่ตรวจค้นตามจุดต่าง ๆ พร้อมกับเปิดเผยว่า ตัวเองเป็นเพียงผู้ดูแลอาคารเหล่านี้เท่านั้น โดยเริ่มทำมาได้ประมาณ 1 ปี แต่ไม่มีรายได้มากเพราะปัจจุบันเหรียญบิตคอยน์ราคาต่ำ และอ้างว่าบางจุดจ่ายค่าไฟถูกต้อง เดือนละประมาณ 9,000 บาท ส่วนอุปกรณ์ทั้งการ์ดจอและซีพียู ก็ซื้อมาราคามือสอง พร้อมกับยอมรับว่ามีนายทุนคอยให้เงิน แต่ส่วนอื่นยังให้การภาคเสธ

ขณะที่นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ลงพื้นที่ติดตามการตรวจสอบ พร้อมกับเปิดเผยว่า การกระทำลักษณะนี้ถือว่ามีความผิดเพราะลักลอบนำไฟฟ้ามาใช้ตลอดเวลาไม่พัก จะทำให้สายไฟละลายและเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ โดยเฉพาะจุดนี้ ติดกับร้านก๊าซยิ่งสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย

ทั้งนี้ ภายในอาคารดังกล่าว ปรากฏชื่อบริษัทคริปโตลอจิก มีชื่อของนายธีรวีย์ เป็นกรรมการ จดทะเบียนเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2561 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท

ทั้งนี้ ดีเอสไอ ฝากถึงเจ้าของอาคารพาณิชย์หรือผู้ที่อยู่อาศัยในอาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ให้ช่วยกันสังเกตบริเวณโดยรอบ หากพบสถานที่ต้องสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าจะมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น  กรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการสืบสวนขยายผลต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง