หลัง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้อนุมัติการสนับสนุนเงินงบประมาณแก่การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. เพื่อการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2022 โดยใช้เงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ จำนวน 600 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนได้รับชมการแข่งขันได้อย่างทั่วถึงนั้น
นางสาววรลักษณ์ ศรีใย หัวหน้าฝ่ายนโยบายและนวัตกรรม สภาองค์กรของผู้บริโภค เรียกร้องให้ กสทช. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดสรรการถ่ายทอดสดการแข่งขันให้เป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้ารับชมการถ่ายทอดสดได้อย่างทั่วถึง แต่ กกท. กลับให้บริษัท ทรู ดิจิตอล กรุ๊ป จำกัด บริษัท ทรู วิชั่น กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท ทรูโฟร์ยู สเตชั่น จำกัด (กลุ่มทรู) ได้สิทธิเลือกคู่แข่งขัน ทั้งจำนวนคู่ และได้จำนวนช่องที่มากกว่า และสามารถถ่ายทอดสดในระบบ HD รวมถึงยังได้รับการสนับสนุนจากค่าโฆษณาสินค้าอีกด้วย ทั้งที่จ่ายเงินซื้อลิขสิทธิ์ไปเพียง 25% การกำหนดกติกาดังกล่าว กระทบสิทธิขั้นพื้นฐานผู้บริโภค เพราะเป็นเงื่อนไขให้ผู้บริโภคต้องมีภาระเพิ่มขึ้นในการเข้าถึงเนื้อหา ไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกผ่านฟรีทีวีได้ตามปกติ ตามหลักการของ Must Carry
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ที่ประชุมอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ก็ได้มีมติเห็นชอบให้ กสทช. ส่งหนังสือแจ้ง กกท. ให้เร่งแก้ไข และปฏิบัติให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ และเงื่อนไขการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ตามหลักการของ Must Carry หากไม่ดำเนินการแก้ไข หรือไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามที่กำหนด กกท. ต้องชำระเงินสนับสนุนที่ได้รับไว้ทั้งหมดต่อ กสทช. ภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดอีก 5% ต่อปี