ข่าวภาคค่ำ - มติสภา อบต.ราชาเทวะ เป็นเอกฉันท์ เห็นชอบให้ใช้จ่ายเงินสะสมจ่ายขาดกว่า 148 ล้านบาท เดินหน้า 4 โครงการ หนึ่งในนั้น คือโครงการจัดซื้อเสาไฟฟ้าประติมากรรมกินรี จำนวน 727 ต้น ท่ามกลางข้อสงสัยของสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม และไม่เห็นด้วย คุณสุธาทิพย์ ผาสุข มีรายละเอียดเรื่องนี้
เป็นเสียงให้สัมภาษณ์ของหนึ่งในสมาชิก อบต.ราชาเทวะ ซึ่งเปิดเผยกับสื่อมวลชน หลังที่ประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลราชาเทวะ มีมติเป็นเอกฉันท์ 10 ต่อ 4 เสียง เห็นชอบอนุมัติการใช้จ่ายเงินสะสม รวมกว่า 148 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการที่ นายทรงชัย นกขมิ้น นายก อบต.ราชาเทวะ บรรจุในแผนพัฒนาท้องถิ่น พ.ศ. 2566-2570 ท่ามกลางข้อกังขาต่อกระบวนการพิจารณา ว่ารวบรัดเกินไปหรือไม่ อีกทั้งระบบการถ่วงดุลตรวจสอบก็ยังเป็นปัญหา เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งปลัด อบต.
ซึ่งในหลักการบริหารจะเป็นผู้ช่วยกลั่นกรองการใช้งบประมาณอีกชั้นหนึ่ง แต่การพิจารณาผ่านโครงการนี้ ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 10 วัน
สำหรับบัญชีโครงการพัฒนาท้องถิ่นที่ได้รับการอนุมัติใช้จ่ายเงินสะสม รวมกว่า 148 ล้านบาท จากที่ประชุมสภา โดยอ้างว่านำมาใช้เพื่อพัฒนาท้องถิ่น และคุณภาพชีวิตประชาชน ประกอบไปด้วย 4 โครงการ
คือโครงการปรับปรุงอาคารที่ทำการ อบต.ราชาเทวะ ระยะที่ 2 วงเงิน 25 ล้านบาท โครงการจัดซื้อกล้องวงจรปิดพร้อมระบบเตือนภัยฉุกเฉิน เพื่อปรับเปลี่ยนกล้องเดิมที่ติดตั้งภายในตำบลราชาเทวะ 2 โครงการ รวมจำนวน 360 กล้อง วงเงิน 54 ล้านบาท และโครงการจัดซื้อเสาไฟฟ้าประติมากรรมกินรีจำนวน 727 ต้น ราคาต้นละ 95,000 บาท เพื่อติดตั้งตั้งในพื้นที่ 7 หมู่ วงเงิน 69 ล้านบาท
น่าสนใจคือ เมื่อพิจารณารายชื่อโครงการทั้งหมดนี้ จะพบว่าลักษณะโครงการจัดซื้อ เป็นเหมือนกับโครงการต่าง ๆ ที่ผ่านมา ซึ่งมีปัญหาถูกกังขาเรื่องความไม่คุ้มค่า และไม่โปร่งใส ไม่ว่าจะเป็นโครงการจัดซื้อเสาไฟฟ้าประติมากรรมกินรี ที่ขณะนี้ ป.ป.ช. กำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบไต่สวน จากปัญหาราคาที่สูง จัดซื้อจัดจ้างต่อเนื่องกับบริษัทรายเดียว และการติดตั้งบนพื้นที่รกร้าง โดยแยกตามปีงบประมาณที่กระทำการทุจริตออกเป็น 5 สำนวน รวมวงเงินกว่า 871 ล้านบาท
หรือโครงการจัดซื้อกล้อง cctv ซึ่งเคยถูก สตง. ตรวจสอบ ออกรายงานปี 64 พบว่าในกระบวนขั้นตอนการขออนุมัติงบประมาณและการจัดซื้อจัดจ้าง ส่งผลให้ราชการเสียหาย
จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า การใช้จ่ายงบประมาณของ อบต.ราชาเทวะ ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับโครงการทั้งหมดนี้ จะเป็นการทำซ้ำรอยเดิมหรือไม่
การใช้จ่ายเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผ่านมา ถูกตั้งข้อสังเกตมาตลอดว่าเป็นไปอย่างคุ้มค่า เหมาะสมหรือไม่ เนื่องจากโดยหลักการตามกฎหมาย ควรใช้กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน เพราะเงินสะสมมีไว้เพื่อรักษาสถานะทางการคลัง จึงต้องตั้งคำถามไปยัง สตง. ด้วยว่า ได้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างไรหรือไม่ เพราะเงินทุกบาทที่ใช้ไป ไม่ใช่เงินส่วนตัวของผู้บริหารท้องถิ่น แต่เป็นเงินจากภาษีของประชาชน เมื่อเกิดปัญหาการตรวจสอบก็ยังล่าช้า กว่าจะมีการชี้มูลเพื่อเอาคนผิดมาลงโทษ ก็ยากจะเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น
