ข่าวภาคค่ำ - จากกรณีการใช้จ่ายเงินสะสมของ อบต.ราชาเทวะ กว่า 148 ล้านบาท ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งของเงินก้อนนี้ จะนำไปใช้จัดซื้อเสาไฟฟ้าประติมากรรมกินรี ทำให้เกิดคำถามถึงความเหมาะสม ในการใช้จ่ายเงินสะสมว่า จำเป็นต้องปรับหลักเกณฑ์ เพื่อให้การใช้เงินแผ่นดินมีความรัดกุมมากขึ้นหรือไม่ คุณสุธาทิพย์ ผาสุข มีคำตอบในเรื่องนี้
หลังสภา อบต.ราชาเทวะ มีมติเสียงข้างมาก 10 ต่อ 4 เสียง อนุมัติการใช้จ่ายเงินสะสม รวมกว่า 148 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการที่นายทรงชัย นกขมิ้น นายก อบต.ราชาเทวะ บรรจุในแผนพัฒนาท้องถิ่น พ.ศ.2566-2570
นอกจากจะมีข้อกังขาต่อกระบวนการพิจารณาว่า รวบรัดเกินไปหรือไม่ เพราะใช้เวลาพิจารณาผ่านโครงการนี้ไม่ถึง 10 วัน ยังเกิดคำถามด้วยว่า การใช้เงินสะสมเพื่อไปปรับปรุงอาคารที่ทำการ อบต.ราชาเทวะ จัดซื้อเสาไฟฟ้าประติมากรรมกินรี และกล้องซีซีทีวี มีความเหมาะสม คุ้มค่าหรือไม่ หรือจะยึดเพียงแค่ว่ามีเสียงข้างมากในสภา อบต. จะใช้จ่ายเงินอย่างไรก็ได้ เนื่องจากคัมภีร์ที่กระทรวงมหาดไทย กำหนดระเบียบออกมาแบบเปิดกว้าง และเพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่หลังจากนั้น ในความเป็นจริง กลับพบว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย โดยไม่คำนึงถึงกรอบวินัยการเงินการคลังที่ดี
คอลัมน์หมายเลข 7 นำกรณีการใช้จ่ายเงินสะสมของ อบต.ราชาเทวะ มาตั้งเป็นตัวอย่างให้ดู พบว่าข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน ปีนี้ อบต.ราชาเทวะ มีเงินสะสมอยู่กว่า 295 ล้านบาท แต่เมื่อหักการสำรองเงินตามระเบียบ กว่า 66 ล้านบาทแล้ว จะเหลือยอดเงินที่ใช้ได้ เพียงประมาณ 228 ล้านบาท
ดังนั้น การอนุมัติใช้จ่ายเงินสะสมล่าสุดกว่า 148 ล้านบาท จึงคิดเป็น 64.91 % ของเงินสะสมที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน ซึ่งในมุมมองของผู้ตรวจสอบ ต่อต้านคอร์รัปชัน เห็นว่า หน่วยงานที่กำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรกำหนดกฎเกณฑ์ที่เหมาะสม และชัดเจน ในเรื่องการนำเงินเหล่านี้ไปใช้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า จะเป็นประโยชน์ของประชาชนหรือประเทศชาติอย่างแท้จริง
เมื่อคำนวนการจัดซื้อเสาไฟฟ้าประติมากรรมกินรี ของ อบต.ราชาเทวะ ซึ่งดำเนินการต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2556-2566 จะเท่ากับว่า ใน 10 ปี ที่ผ่านมา อบต.ราชาเทวะ ได้ใช้งบประมาณกับโครงการนี้ไปมากกว่า 1,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 100 ล้านบาท น่าสนใจคือ งบประมาณทั้งหมด ล้วนเป็นการอนุมัติผ่านสภา อบต. ใช้เงินสะสมทั้งสิ้น
กรณีที่ สภา อบต.ราชาเทวะ อนุมัติให้ใช้จ่ายเงินสะสม กว่า 148 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการ โดยอ้างว่าพัฒนาท้องถิ่น และคุณภาพชีวิตประชาชน ซึ่งประกอบไปด้วย 4 โครงการ ท่ามกลางข้อครหาการดำเนินการโครงการจัดซื้อราคาแพง ส่อล็อกสเปก และเรื่องยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช. เพราะมั่นใจระเบียบเปิดช่อง เป็นอีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ถึงรัฐบาลว่า ถึงเวลาที่จะต้องปรับหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือยัง
