โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผู้ว่าฯ 26 จังหวัด

View icon 233
วันที่ 2 ธ.ค. 2565 | 22.44 น.
ข่าวเด็ด 7 สี
แชร์
ข่าวเด็ด 7 สี - มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด 26 ราย

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ โดยระบุมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง 2 ราย และแต่งตั้งดำรงตำแหน่ง 26 ราย

โดยประกาศระบุถึงการแต่งตั้งหลายตำแหน่ง อาทิ ให้นายภาสกร บุญญลักษม์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และให้นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย

พร้อมแต่งตั้งรองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด 1 รายและให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด 23 ราย จำนวนนี้มีนางพาตีเมาะ สะดียามู จากรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นผู้ว่าฯ หญิงมุสลิมคนแรกของประเทศไทย

ครูยุ่น เข้ารับทราบข้อกล่าวหาค้ามนุษย์ จ.สมุทรสงคราม
วันนี้ (2 ธ.ค.) ครูยุ่น เข้ามอบตัวสู้คดีที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาค้ามนุษย์ เพิ่มเติม โดยเจ้าตัวให้การปฏิเสธ ขณะที่ตำรวจเตรียมสรุปสำนวนส่งอัยการสัปดาห์หน้า

วันนี้เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.อัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม นัด นายมนตรี สินทวิชัย หรือ "ครูยุ่น" เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็กฯ จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อเเจ้งข้อหาค้ามนุษย์ เพิ่มเติม โดยมีนายแก้วสรร อติโพธิ ประธานมูลนิธิ เเละทนายความ เดินทางไปด้วย เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาค้ามนุษย์ โดยใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 4 ชั่วโมง

โดยก่อนหน้านี้ ครูยุ่นก็โดนแจ้งข้อหาไปแล้วหลายคดี ทั้งคดีทำร้ายเด็ก และคดีอื่น ๆ อีกเกือบ 10 คดี ซึ่งครูยุ่นเปิดใจว่า วันนี้โดนคดีค้ามนุษย์อีก ซึ่งนับเป็นคดีที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เจอมา ขณะที่ภรรยาครูยุ่นก็โดนคดีค้ามนุษย์เช่นกัน และมีการสอบสวนให้ปากคำไปแล้ว ซึ่งทั้งคู่ให้การปฏิเสธ

หลังจากตำรวจสอบปากคำเสร็จ ได้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องประกันตัว และตำรวจจะสรุปสำนวนคดีทั้งหมดส่งพนักงานอัยการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งข้อหาตามมาตรา 6/1 มีโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 4 ปี ปรับเป็นเงิน 50,000-400,000 บาท ซึ่งการเปรียบเทียบปรับ จะปรับเป็นรายคน รายคดี ต่างกรรมต่างวาระไป

ศธ.สั่งสอบครูสาว แอบขึ้นหอพักนัดหากัน
เพงดังแฉ แช็ตหลุดครูสาวแอบมีความสัมพันธ์กับนักเรียนชาย นัดแนะไปหาที่หอพัก ล่าสุด ทางโรงเรียนได้ตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว พร้อมย้ายครูสาวออกไปช่วยราชการ

ข้อความการสนทนาที่ถูกปล่อยออกมา เป็นของนักเรียนชาย ชั้น ม.ปลาย และครูฝึกหัดสาวจบใหม่ อายุ 24 ปี ในข้อความคุยกันเชิงชู้สาว นัดแนะไปหาที่หอพัก ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังผู้บริหารโรงเรียนต้นเรื่อง อยู่ในตำบลบางเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ทราบว่า ครูสาวเป็นครูฝึกสอนของวงโยธาวาทิต สนิทสนมกับนักเรียนชายในวงโยฯ ด้วยกัน

ช่วงแรก ๆ ที่เห็นพฤติกรรมทั้งคู่ ทางผู้บริหารโรงเรียนได้ตักเตือนแล้ว จนมาเกิดเรื่องอีกครั้ง เมื่อวานนี้มีผู้นำแช็ตข้อความออกมาแฉพฤติกรรม ทั้ง 2 คน เบื้องต้นทางโรงเรียนทราบแล้วไม่แบบอย่างที่เหมาะสม จึงให้ครูสาวแยกตัวออกไปช่วยราชการที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสมุทรปราการ ระหว่างรอคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ส่วนแชทสนทนาชวนขึ้นหอพัก มีข้อมูลจากฝั่งนักเรียนชาย เล่าว่าวันนั้นครูสาวป่วย เพื่อน ๆ นักเรียนจึงเดินทางไปเยี่ยม ยืนยันว่าไม่ได้อยู่ 2 ต่อ 2

อย่างไรก็ตาม ครูสาวเป็นครูผู้ช่วยอยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ ยังไม่ถึง 2 ปี ซึ่งตามกฏระเบียบต้องผ่านการประเมินถึงจะได้บรรจุ หากข้อมูลสอบสวนทุกอย่างพบว่ามีความผิดจริง บทลงโทษก็คือให้ออกราชการ

ด้าน นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สั่งสอบเรื่องนี้อย่างรอบด้าน หากพบว่ามีความผิด ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนี้ ยังได้หารือกับคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ เพื่ออุดช่องว่างการกระทำผิดซ้ำซากในลักษณะดังกล่าว อาจจะต้องพักใช้ใบประกอบวิชาชีพ

เปิดวงจรปิด ไล่ยิงนักเรียนอาชีวะ เสียชีวิต 1 คน
ตำรวจไล่ภาพวงจรปิดตามหากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุไล่ยิงนักเรียน ปวช. เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บอีก 4 คน ที่ย่านมีนบุรีเมื่อคืนนี้ แม้จะยังระบุตัวไม่ได้ แต่พอมีเบาะแสให้ติดตามต่อแล้ว ไปติดตามจากรายงาน

กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์บันทึกช่วงเวลาเกิดเหตุ 20.48 น. ของวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่จุดแรกที่ย่านคลองสามวา ตั้งแต่ถนนราษฎร์อุทิศ เขตมีนบุรี ไปจนถึงแยกมีนบุรี ถนนสุวินทวงศ์ ที่ผู้ได้รับบาดเจ็บเข้าใจว่ากลุ่มคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยกันกว่า 10 คัน ไล่ยิงไปตามถนน จนเป็นเหตุให้นักเรียน ปวช. ชั้นปีที่ 1 อายุ 20 ปี เสียชีวิต และบาดเจ็บอีก 4 คน

บางช่วงของเหตุการณ์ ต้องขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าไฟแดง ตัดเส้นทางรถยนต์ที่กำลังข้ามแยกไปอย่างน่าหวาดเสียว แต่ก็ทำให้เห็นชัดเจนขึ้นว่า แท้จริงแล้วคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์มาแค่ 3 คัน และผู้ก่อเหตุมีกันแค่ 6 คน เท่านั้น

พี่สาวของผู้เสียชีวิต ที่ได้คุยกับกลุ่มเพื่อนของน้องชาย เล่าให้ฟังว่า ผู้เสียชีวิตทำงานเก็บเงินและเพิ่งเข้าเรียนภาคค่ำได้ไม่นาน ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน

ขณะที่ตำรวจนครบาล 3 และสน.มีนบุรี เรียกประชุมชุดสืบสวน ก่อนแบ่งงานลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ตำรวจบอกว่าที่ผ่านมาคดีก่อเหตุทะเลาะวิวาทของกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่เขม่นกันบนท้องถนน, ความเชื่อส่วนบุคคล ไปจนถึงปมสถาบันคู่อริ แม้ผลการสอบสวนผู้บาดเจ็บจะยังชี้ชัดคนลงมือไม่ได้ แต่ก็พอมีเบาะแสให้สืบสวนต่อได้อยู่บ้าง เพียงแต่ต้องใช้เวลาซักระยะ

ส่วนแนวทางการป้องกัน มีการสั่งเพิ่มสายตรวจออกลาดตระเวนให้มากขึ้น พร้อมกับประสานไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ในพื้นที่ ให้สอดส่องพฤติกรรมนักเรียนกลุ่มเสี่ยง ไม่ให้ไปก่อเหตุความรุนแรง

ออกหมายเรียกนอมินี "ตู้ห่าว" หาทรัพย์สินเพิ่ม
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งออกหมายเรียกนอมินีนาย "ตู้ห่าว" นายทุนจีนธุรกิจสีเทาเพิ่มอีก 3 คน เพื่อมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินของนาย "ตู้ห่าว" หลังเชื่อว่ายังมีอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเงินสด

พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมร่วมกับตัวแทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. และตัวแทนพนักงานอัยการ เพื่อร่วมกันสรุปสำนวนการสอบสวน คดีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในสถานบันเทิงจินหลิง ย่านยานนาวา

พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า เป็นการนำข้อมูลพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่ได้จากการตรวจค้นในหลายจุดในช่วงที่ผ่านมา มาเข้าสู่สำนวนการสอบสวนคดี เพื่อกำหนดแนวทางการสอบปากคำ และไล่เส้นทางการเงิน เส้นทางการใช้โทรศัพท์ ว่าเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดอื่นอีกหรือไม่

โดยขณะนี้ได้จับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีแล้ว 102 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ ความผิดฐานสมคบจำหน่ายยาเสพติด ความผิดฐานถือครองทรัพย์สินแทนบุคคลต่างชาติ และความผิดที่เกี่ยวข้องกับการสวมบัตรประชาชน ส่วนการขยายผลความเชื่อมโยงผู้ที่เกี่ยวข้องกับนาย "ตู้ห่าว" ตำรวจได้ออกหมายเรียกเพิ่มเติม 3 คน คือนางสาว พัชรินทร์ นาง สุชาดา และอดีตนายตำรวจระดับสารวัตรนายหนึ่ง ซึ่งทั้ง 3 คน มีข้อมูลว่า ร่วมกันเป็นกรรมการบริษัทที่มีนาย "ตู้ห่าว" เป็นประธาน ทั้งนี้หากสามารถควบคุมตัวทั้ง 3 คนได้ เชื่อว่า จะพบทรัพย์สินที่เป็นเงินสดอีกจำนวนมาก เนื่องจากตำรวจได้ตั้งข้อสังเกตว่า เงินสดที่ยึดได้จากนาย "ตู้ห่าว" มีเพียงแค่หลักแสนบาท จึงเป็นไปไม่ได้ที่นักธุรกิจระดับนี้ จะมีเงินสดอยู่ในบัญชีแค่ 100,000 บาท

พม.สอบเด็กสูบกัญชา  จ.ชลบุรี
รัฐบาลสั่งเร่งขยายผลหาผู้กระทำผิด กรณีมีภาพเด็กชายนั่งสูบกัญชาริมชายหาดพัทยาในโลกโซเชียล

เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ได้นำตัวเด็กชายอายุ 10 ขวบ ไปสอบถามข้อมูล และหาแนวทางช่วยเหลือ หลังมีภาพทางโลกโซเซียล กำลังนั่งสูบกัญชา ริมชายหาดพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยพบว่า เป็นเด็กที่เคยได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพจากบ้านพักเด็กและครอบครัว แต่ด้วยปัญหานิสัย และพฤติกรรมส่วนตัว ทำให้หลบหนีออกมา จึงได้นำตัวเด็กกลับไปอีกครั้ง เพื่อให้ความช่วยเหลือตามกระบวนการ และคุ้มครองเด็ก ทั้งนี้เด็กให้ข้อมูลว่าเก็บบ้องกัญชามาจากถังขยะ

ด้านนายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งเร่งขยายผลสอบสวนเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าเด็กไม่มีทางที่จะหาใบกัญชา หรือบ้องกัญชามาเองได้ โดยตั้งข้อสังเกตุเป็นภาพจัดฉากหรือไม่ และหากใครขายอุปกรณ์ให้กับเด็กถือว่าผิดกฎหมาย โดยติดตามจับกุมผู้ที่ให้เด็กทำแบบนั้น และใช้มาตรการทางกฎหมาย เข้าไปดำเนินการทันที

ส่วนที่จังหวัดสุโขทัย หลังมีคลิปภาพเจ้าอาวาสวัดดังนั่งสูบกัญชาในกุฏิ เรื่องนี้พระครูสุเมธพัฒโนทัย เจ้าคณะอำเภอเมืองสุโขทัย สั่งให้คณะสงฆ์ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว จากการสอบสวนเจ้าอาวาสอ้างว่ามีโรคประจำตัว คือโรคเบาหวาน จึงทดลองใช้กัญชา เพื่อรักษาโรค และได้สูบกัญชาจริงเพียงครั้งเดียวตามที่ปรากฏอยู่ในคลิป ซึ่งเป็นคลิปเก่านานแล้ว ทางเจ้าคณะอำเภอจึงทำการตักเตือน และภาคทัณฑ์ไว้ และเว้นการต่อสมณศักดิ์ไปเป็นระยะเวลา 5 ปี ตามกฎระเบียบ

ทั้งนี้พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า การที่พระสงฆ์ดื่มสุรา เสพสิ่งเสพติด ถือว่าไม่ควรอย่างยิ่ง แต่ที่แย่ที่สุด คือ โลกวัชชะ ชาวโลกติเตียน เพราะขนาดบวชเป็นพระสงฆ์ยังมานั่งสูบกัญชา แทนที่จะแสวงหาพระธรรมวินัย บวชแล้วยังไปหากัญชามาใช้ในชีวิตประจำวัน ถ้ากัญชาเป็นสิ่งที่ปรุงแล้ว เป็นยาถือว่าไม่ผิด แต่กลับเอาดอกสดมาทำให้เกิดความมึนเมา ทำให้อาบัติ

ร้องไฟดับเป็นเดือน เจ้าของโครงการฯ หอบเงินส่วนกลางหนี จ.พระนครศรีอยุธยา
ไปดูความเดือดร้อน ของลูกบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมตัวออกมาร้องสื่อ หลังเจ้าของโครงการหอบเงินส่วนกลางและเงินดาวน์บ้านหนี ทำให้ลูกบ้านกว่า 200 หลังคาเรือนเดือดร้อน ทั้งไฟฟ้าในพื้นที่หมู่บ้านดับนานเกือบเดือน มิหนำซ้ำลูกบ้านบางคน ยังโอนบ้านไม่ได้ ไปติดตามจากรายงาน

เป็นความเดือนร้อนของลูกบ้านของโครงการหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ในตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังตัดสินใจซื้ออาคารพาณิชย์ ในราคา 4 ล้านบาท แต่สุดท้ายเมื่อจ่ายค่ามัดจำ และเงินดาวน์ครบ 1 ปี กว่า 200,000 บาท กลับไม่สามารถติดต่อเจ้าของโครงการโอนบ้านมาเป็นชื่อของตัวเองได้

เช่นเดียวกับลูกบ้านอีกกว่า 200 หลัง ที่ได้รับความเดือดร้อน เจ้าของโครงการไม่ยอมนำเงินค่าส่วนกลางที่เก็บล่วงหน้าไปถึง 3 ปี เป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท ไปจ่ายค่าสาธารณูประโภค จนเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา ถูกการไฟฟ้าเข้ามาตัดไฟที่ใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง ยามค่ำคืนแทบเป็นเมืองร้าง มิหนำซ้ำยังค้างจ่ายบริษัทรักษาความปลอดภัย ไม่มีรปภ.เฝ้าหมู่บ้าน จนถูกคนร้ายเข้ามาขโมยทรัพย์สิน ส่วนเจ้าหน้าที่ของโครงการที่ลูกบ้านพอติดต่อได้ก็ไม่มี มีอำนาจตัดสินใจไดๆ

นอกจากนี้ยังพบว่า มีผู้รับเหมาถูกเจ้าของโครงการฯ เบี้ยวค่าสร้างบ้านในโครงการเกือบ 10 ล้านบาท วันนี้ลูกบ้านได้รวมตัวกันไปที่สำนักงานขายของหมู่บ้าน แต่ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ มิเตอร์ไฟก็ถูกยกออกไป มีแต่ใบแจ้งหนี้ค่าไฟเสียบอยู่ ลูกบ้านบอกว่าที่ผ่านมาพยามติดต่อเจ้าของโครงการฯและหุ้นส่วน มาตลอด แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง และติดต่อไม่ได้ จึงขอเรียกร้องให้ออกมารับผิดชอบเรื่องนี้

ร้อง ปปง.ตรวจสอบ ลุงพล เอาผิดฐานฟอกเงิน
ทนายความที่เคยว่าความให้ "ลุงพล" ตัดสินใจยืนอยู่คนละฝั่ง นำหลักฐานรายชื่อคนที่ต้องสงสัยว่าเป็น นอมินี และหลักฐานธุรกรรมทางการเงิน ไปขอให้ ปปง. ตรวจสอบเรื่องการเปิดรับบริจาคสร้างรูปปั้นพญานาค ว่ามีการทำผิดวัตถุประสงค์ เข้าข่ายเป็นการฟอกเงินหรือไม่

นาย สมเกียรติ โรจนวรกมล ทนายความที่เคยว่าความให้กับ นายไชยพล วิภา หรือ "ลุงพล" พร้อมคณะฝ่ายกฎหมาย นำหลักฐานรายชื่อบุคคลต้องสงสัยว่าอาจเป็น "นอมินี" ให้กับลุงพล และหลักฐานการทำธุรกรรมทางการเงิน ไปยื่นหนังสือถึง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบว่า เข้าข่ายเป็นการฟอกเงินหรือไม่

ทนายสมเกียรติ บอกว่า หลักฐานนี้ได้มาจากผู้ที่เคยบริจาคเงินให้กับลุงพล เพื่อนำไปก่อสร้างรูปปั้นพญานาค เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ แต่ขณะโอนเงินพบว่า บัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อบุคคลทั่วไป จึงนำเรื่องนี้มาหารือ เขาจึงตรวจสอบจนได้เบาะแสว่า เงินที่ควรจะเข้าบัญชีบริจาค มีการโอนเงินไปยังบุคคลอื่นอีก 3-4 คน ที่อาจเป็นนอมินี เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ยังพบว่า ลุงพล ได้เชิญชวนโรงเรียนในละแวกใกล้เคียงให้นำนักเรียนมารำบวงสรวงหน้ารูปปั้น เพื่อแลกกับการมอบทุนการศึกษา โดยจะใช้เงินจากการบริจาคไปมอบ ซึ่งเข้าข่ายเป็นการ "ว่าจ้าง" และผิดวัตถุประสงค์เช่นกัน

เกาหลีใต้ พบ โปรตุเกส รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย กลุ่ม เอช
เกาหลีใต้ อีกหนึ่งทีมตัวแทนจากเอเชีย ที่นัดนี้ต้องชนะเท่านั้นถึงมีโอกาสลุ้นเข้ารอบ พบกับ โปรตุเกส ที่ผ่านเข้ารอบไปแล้ว

ขณะที่อีกคู่ กานา พบ อุรุกวัย ที่ยังมีโอกาสลุ้นเข้ารอบทั้งสองทีม อยู่ในช่วงท้ายของครึ่งแรก ผลล่าสุด

ส่วนคืนนี้มีแข่งขันอีก 2 คู่ เป็นการแข่งขันในกลุ่ม จี.
เวลา 02.00 น. เซอร์เบีย พบ สวิตเซอร์แลนด์
เวลา 02.00 น. แคเมอรูน พบ บราซิล

มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก จัดงานเพื่อนพึ่งภาฯ ประจำปี 2565
มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จัดงาน เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 2 ถึง 11 ธันวาคม 2565

ที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดงาน เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 2-11 ธันวาคม 2565 ภายใต้แนวคิด เพื่อนไม่ทิ้งกัน ในยามยาก เพื่อสนับสนุนและเชื่อมโยงให้ภาครัฐ เอกชน และชุมชน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามทุกข์ยากจากอุทกภัยและภัยพิบัติที่รุนแรง เพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้ประสบอุทกภัยอย่างครบวงจรและยั่งยืน ประกอบด้วย นิทรรศการภาพรวมการดำเนินภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างครบวงจรและยั่งยืน เพื่อมุ่งสู่การเป็น "ศูนย์กลางการเป็นเลิศด้านการบรรเทาทุกข์ และจัดการภัยพิบัติอันเกิดจากอุทกภัย มีการสาธิตช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย การบรรจุถุงยังชีพพระราชทาน รวมทั้งการปรุงอาหารจากรถประกอบอาหาร รถเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ช่วยด้วยใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน ที่นำเมนูสูตรประทานของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ มาให้ประชาชนได้ชิม การจำหน่ายสินค้าจากร้านพึ่งพา, ร้านในโครงการส่วนพระองค์, ร้านพระบรมวงศานุวงศ์, ร้านค้ากิตติมศักดิ์ และร้านค้าเครือข่าย รายได้จากการจัดงานสมทบทุนมูลนิธิฯ เพื่อดำเนินกิจกรรมสาธารณกุศล