ฝึกท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว นทศ. เข้า รพ. 23 นาย ต้องล้างไต 8 คน ลั่นหากผลสอบสวนพบครูฝึกบกพร่อง จะลงทัณฑ์ตามความเหมาะสม
จากกรณีนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่ 46 เจ็บป่วย ระหว่างการเข้ารับการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรือเสาะ และโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จำนวน 23 นาย ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.65 นั้น วันนี้ (3 ธ.ค.65) พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ขณะนี้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกำลังให้การดูแลช่วยเหลือนักศึกษาวิชาทหารที่เจ็บป่วยอย่างเร่งด่วน รวมทั้งการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ล่าสุดอาการเจ็บป่วยของนักศึกษาทหารโดยรวมดีขึ้น โดยมีนักศึกษาวิชาทหารที่เข้ารับการรัษาตัวมีอาการกล้ามเนื้ออักเสบ เจ็บปวดที่ขาและร่างกาย ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยที่ต้องล้างไต 8 คน ปัจจุบันอาการปลอดภัย ซึ่งหน่วยทหารในพื้นที่ได้ประสานกับทางโรงพยาบาลและผู้ปกครองของนักศึกษาวิชาทหารทุกรายเพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้น ระหว่างการฝึกนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 1-3 ภาคปกติ ณ ศูนย์ฝึกย่อยโรงเรียนนราธิวาส ระหว่าง วันที่ 26 พ.ย. – 3 ธ.ค.65 โดยเมื่อวันที่ 28 พ.ย.65 นักศึกษาชั้นปีที่ 1 เข้ารับการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า ชั้นปีที่ 2 ฝึกทบทวนบุคคลท่าอาวุธ และชั้นปีที่ 3 ฝึกวิชาครูทหาร และในช่วงเวลาดังกล่าวสภาพอากาศร้อนอบอ้าว ภายหลังการฝึกพบว่า มีนักศึกษาวิชาทหารป่วย ผู้ปกครองทยอยพาเข้ารับการรักษาที่ รพ.นราธิวาส และ รพ.รือเสาะ จำนวน 23 คน เป็น นทศ.ชั้นปีที่ 1 จำนวน 22 คน และ นทศ. ชั้นปีที่ 2 จำนวน 1 คน โดยได้ปิดการฝึกแล้วเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.65
สำหรับการสอบสวนหาข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4ได้สั่งการให้มณฑลทหารบกที่ 46 ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และหากพบว่าเกิดจากความบกพร่องของชุดครูฝึกก็จะดำเนินการลงทัณฑ์ตามความเหมาะสมโดยเร็วที่สุด
กองทัพภาคที่ 4 ต้องขอโทษต่อผู้ปกครองของ นศท.ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ และจะดำเนินการทุกด้านโดยยึดประโยชน์ของนักศึกษาวิชาทหารเป็นสำคัญ พร้อมทั้งได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหารกำกับดูแลการเรียนการฝึก นศท. ในทุกพื้นที่ให้เป็นไปตามมาตรฐานการฝึกที่กองทัพบกกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ยังได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครองและ นศท.ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์โดยให้หมั่นสังเกตุว่าหากพบอาการปัสสาวะน้อยลงหรือปัสสาวะเป็นสีน้ำตาลดังเช่นเหตุการณ์ในครั้งนี้ขอให้ดื่มน้ำให้มากๆ หากอาการไม่ดีขึ้นให้ไปพบหมอที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ห้ามกินยาแก้ปวดเด็ดขาดเพราะอาจเกิดผลเสียต่อการทำงานของไต อย่างไรก็ตามอาการของโรคชนิดนี้สามารถรักษาให้หายได้ภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์ ปัจจุบันพบว่าส่วนใหญ่มีอาการดีขึ้นและจะทยอยกลับบ้านได้ภายใน 2-3 วันนี้
