จากกรณีโลกโซเชียลมีการแชร์เรื่องราวของผู้ป่วยหญิง อายุ 48 ปี ได้เข้ารับบริการจัดกระดูกคอ แต่ต่อมามีอาการร่างกายอ่อนแรงทั่วตัว และมีอาการปวดเฉียบพลัน จึงไปหาหมอ เอกซเรย์และซีทีสแกน จนพบว่า กระดูกส่วนคอมีการแตกหัก จึงส่งผลต่อกล้ามเนื้อเส้นประสาทไขสันหลัง C5 และ C6 นอกจากนี้ยังพบการอุดตันของหลอดเลือดแดงในกระดูกคอ และ Stroke เฉียบพลัน
วันนี้ (4 ธ.ค.65) เพจเฟซบุ๊ก PT NOTE – บันทึกกายภาพบำบัด ได้โพสต์เตือน อันตรายร้ายแรง จากการจัดกระดูกคอ โดยระบุว่า เคสของหญิงวัย 48 ปี พบว่า
- กระดูกคอส่วน C5-C6 หัก (cervical fracture)
- มีการบาดเจ็บของเส้นประสาทไขสันหลัง (spinal cord injury) ทำให้เกิดการอ่อนแรงแบบอัมพาตทั้งตัว (tetraplegia)
- พบการตีบของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองทั้งสองข้าง (cerebellar infarction and bilateral cerebral occlusion)
- พบการปลิ้นของหมอนรองกระดูก (disc herniation)
- พบการฉีกขาดและเลือดออกของเยื่อหุ้มประสาท (epidural hematoma)
ผู้วิจัยได้อภิปรายว่า ผลการตรวจ CT บริเวณกระดูกสันหลังของผู้ป่วยรายนี้ พบว่ามีภาวะ Ankylosing spondylitis ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กระดูกสันหลังแตกหักได้ง่าย และแน่นอนว่าก่อนทำการจัดกระดูก ไม่มีการตรวจพบภาวะนี้ของผู้ป่วย
Ankylosing spondylitis คือโรคที่เกิดการอักเสบซ้ำๆ ของกระดูกสันหลัง และกระดูกเชิงกราน รวมถึงข้อต่อก้นกบ (sacroiliac joint) หากแต่ในผู้ป่วยโรคนี้ การอักเสบจะไม่ได้มีผลถึงเพียงเส้นเอ็น (ligament or tendon) แต่จะเกิดการอักเสบไปถึงบริเวณที่เป็นจุดเชื่อมของเส้นเอ็นกับกระดูก (entheses) และเมื่อกระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นกับกระดูกสันหลัง ทำให้มีแคลเซียมสะสมบริเวณเอ็นรอบกระดูกสันหลัง และสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนไปถึงขอบกระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูก จนทำให้กระดูกสันหลังแต่ละท่อนเชื่อมติดกัน และเสียแนวการวางตัวที่ปกติ (spine alignment) รวมถึงช่วงการเคลื่อนไหวของผิวข้อด้วย (arthrokinematics movement) ดังนั้นจึงทำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ จะมีการแตกหักของกระดูกสันหลังได้ง่าย
หลายครั้งคำถามที่ว่า การจัดกระดูก ควรทำหรือไม่? เป็นสิ่งที่ตอบได้ยาก เนื่องจากผลการรักษานั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย อย่างไรก็ตามรายงานเคสของผู้ป่วยรายนี้ อาจบ่งชี้ถึงผลข้างเคียงรุนแรง ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้จากการจัดกระดูก
หากท่านจะเชื่อถืองานวิจัย และหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ในหลายไกด์ไลน์ที่แนะนำเรื่องการรักษาแบบอนุรักษ์ (conservative treatment) สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อเรื้อรัง
สำหรับการลดอาการปวดที่ดี ทางเพจเฟซบุ๊ก PT NOTE – บันทึกกายภาพบำบัด บอกว่า การออกกำลังกายหรือการบริหารต่างๆนั้น ให้ผลลดอาการปวดได้ดีและคงอยู่ยาวนานกว่าหลายการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการจัดกระดูก หรือเครื่องมือทางกายภาพบำบัด เพราะบางครั้ง การรักษาที่ง่ายและปลอดภัยก็เริ่มได้จากตัวเราเอง