รายงานพิเศษ : เปิดอาณาจักร จ้าว เหว่ย ประชิดชายแดนไทย สปป.ลาว

View icon 191
วันที่ 5 ธ.ค. 2565 | 07.13 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - หลังจากที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉกลุ่มทุนจีนสีเทาในประเทศไทย และมีชื่อของ "จ้าว เหว่ย" นักธุรกิจชาวจีน ที่ทำธุรกิจในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ คุณเกรียงไกร รัตนา ได้ไปสัมภาษณ์พิเศษ และจะพาไปชมอาณาจักรของ "จ้าว เหว่ย" แบบเจาะลึกใน สปป.ลาว

พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ชายแดนไทยด้านอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย กับ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว มีน้ำโขงไหลผ่านขวางกั้น เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่มีชื่อเสียง เพราะเป็นที่ตั้งของกาสิโนขนาดใหญ่ ที่คนไทยรู้จักในชื่อ "คิงส์โรมัน" มีชายชาวจีนที่ชื่อ "จ้าว เหว่ย" เป็นเจ้าของ ความยิ่งใหญ่ในลุ่มน้ำโขง จนถูกเชื่อมโยงกับกลุ่ม 5 มังกรจีน ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและเป็นมาเฟียที่คอยฟอกเงินธุรกิจสีเทาในไทย

ทีมข่าวได้ออกค้นหาความจริง ไปที่คิงส์โรมัน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว เราเดินทางโดยเรือข้ามน้ำโขง ภาพแรกที่ได้เห็นเมื่อเข้าไปถึง พบว่าทุกสิ่งทุกอย่างในพื้นที่สร้างเหมือนเมืองในประเทศจีน ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิง และร้านค้าต่าง ๆ ของที่ขายส่วนใหญ่ก็นำมาจากประเทศจีน เงินที่ใช้ในพื้นที่ คือ เงินสกุลหยวนของจีน

ทีมข่าวได้สำรวจพื้นที่จนได้ข้อมูลว่า เจ้าของกิจการเกือบทั้งหมดเป็นชาวจีน ส่วนลูกจ้างที่ทำงานส่วนใหญ่จะเป็นชาวลาว และชาวเมียนมา ในช่วงกลางวันอาจดูไม่ค่อยคึกคัก แต่เมื่อตะวันลับฟ้า บรรยากาศเปลี่ยนไปลิบลับ ทั้งสีสันจากแสงไฟยามค่ำคืน และตลาดโต้รุ่ง ที่ทุกคนต่างมาผ่อนคลายดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน

"นายหวัง เอ้อ เป่า" รองประธานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เล่าให้เราฟังว่า "จ้าว เหว่ย" ได้สัมปทานมาจากรัฐบาลของ สปป.ลาว เมื่อปี 2550 โดยทำสัญญาเช่าระยะยาว 99 ปี มีเนื้อที่ประมาณ 62,500 ไร่ โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ซึ่งปัจจุบันในส่วนของกาสิโนคิงส์โรมัน "จ้าวเหว่ย" ได้ให้กลุ่มทุนจากสิงคโปร์เข้ามาเช่าและบริหารงานต่อ และเปลี่ยนชื่อเป็น ALLUXI CASINO ส่วน "จ้าว เหว่ย" หันมาพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจอย่างจริงจัง โดยลงทุนก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ใน สปป.ลาว มูลค่ากว่า 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรองรับสายการบินจากทั่วโลก พร้อมทั้งสร้างสนามกอล์ฟขนาดใหญ่ เพื่อจัดแข่งขันกอล์ฟระดับโลกในอนาคต

จากนั้นทีมข่าวได้พบกับ "จ้าวเหว่ย" ประธานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ที่ออกมาพบปะพูดคุยเป็นกันเอง จ้าวเหว่ย เปิดเผยว่า เดินทางมาที่นี่เมื่อหลายสิบปีก่อนแล้วมีความชื่นชอบ จากนั้นได้หาช่องทางเข้ามาลงทุน โดยตั้งใจพัฒนาพื้นที่ในทุกด้าน ทั้งการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยกาสิโนเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

จ้าว เหว่ย เล่าต่อว่า เดิมที่นี่เคยเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่น และเป็นแหล่งค้ายาเสพติด แต่พอเข้ามาพัฒนาที่นี่กลายเป็นเมืองใหม่ ที่มีเป้าหมายเติบโตระดับโลก มาไกลเกินกว่าที่ใครหลายคนเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่า มีส่วนเกี่ยวพันกับธุรกิจสีเทา สุดท้าย จ้าวเหว่ย ได้ปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนเทา 5 มังกร และ นายตู้ ห่าว ตามที่ปรากฏบนหน้าสื่อในประเทศไทย

ที่สุดแล้ว ถ้ามองในมุมของภาคเศรษฐกิจ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ คือ เขตเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง ในอนาคตอาจจะเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญในย่านอาเซียน แต่ในเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพื้นที่สีเทา เป็นเรื่องที่จะต้องค้นหาคำตอบกันต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง