สนามข่าว 7 สี - ไปดูความคืบหน้าเหตุนักเรียนอาชีวะในจังหวัดฉะเชิงเทรา ไล่ปาขวดเครื่องดื่มชูกำลังใส่นักเรียนคู่อริถึงหน้าสถาบัน โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย แม้จะมีเด็ก ๆ และประชาชนรวมอยู่ด้วย โดยล่าสุดสำนักบริหารการอาชีวศึกษาเอกชน เตรียมให้โรงเรียนอาชีวะเอกชนจัดการเรียนการสอน แบบออนไลน์ แก้ปัญหานักเรียนกระทบกระทั่งกัน
จากเหตุการณ์กลุ่มนักเรียนอาชีวะขี่รถจักรยานยนต์ บุกไปปาขวดเครื่องดื่มชูกำลังใส่นักเรียนคู่อริ ขณะยืนอยู่บริเวณป้ายรถประจำทางหน้าสถาบันของตัวเอง ในอำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเย็น 7 ธันวาคมที่ผ่านมา จนหลายคนต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด ขณะนั้นมีประชาชนอยู่ค่อนข้างเยอะ
ทั้งนี้จากข้อมูลยังพบว่า ปัจจุบันนักเรียนเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการก่อเหตุ หันมาใช้ขวดเครื่องดื่มชูกำลังทำร้ายกัน หลังตำรวจกวดขันจับกุมและดำเนินคดีจริงจัง แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก เพราะผู้ก่อเหตุไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ทีมข่าวยังได้ลงพื้นที่ไปยังสถานีรถไฟฉะเชิงเทรา จุดนี้ก็ถือว่าเป็นจุดเสี่ยงที่เกิดเหตุนักเรียนอาชีวะยกพวกทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้ง แม้จะมีอาจารย์ และตำรวจ มาคอยดูแลความเรียบร้อยทุกเย็น เพราะเป็นจุดที่เด็กนักเรียนเลิกเรียน ก็มารวมตัวกันรอขึ้นรถไฟกลับบ้าน โดยชาวบ้านเล่าว่ามีเหตุนักเรียนตีกันเกิดขึ้นเกือบทุกวัน ทั้งใช้อาวุธมีดไล่ฟันกัน ใช้ปืนยิงข่มขู่ จนเกรงว่าวันหนึ่งอาจพราดไปถูกเด็ก ๆ หรือคนที่ไม่เกี่ยวข้อง บาดเจ็บ และเสียชีวิตได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง
ทีมข่าวได้เปิดใจกลุ่มนักเรียนอาชีวะสถาบันหนึ่ง ถึงศึกระหว่างสถาบันที่เกิดขึ้น โดยนักเรียนยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นการถูกปลูกฝังจากรุ่นพี่ผิด ๆ ที่ให้ใช้ความรุนแรง แต่ด้วยจิตสำนึกของนักเรียนส่วนใหญ่จริง ๆ ทุกวันนี้อยากแต่งตัวมาเรียน ได้เจอเพื่อน และกลับบ้านไปหาครอบครัวอย่างปลอดภัย ไม่ต้องคอยหวาดระแวง
ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว เบื้องต้น นายทวีศักดิ์ คิ้วทอง ผู้อำนวยการศูนย์ความปลอดภัยสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา และสำนักบริหารการอาชีวศึกษาเอกชน เตรียมสั่งปรับแผนให้โรงเรียนอาชีวะเอกชนบางโรงเรียนสอนผ่านระบบออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคมเป็นต้นไป เพื่อลดปัญหาการกระทบกระทั่ง และโรงเรียนอาชีวะอีกบางแห่ง จะปิดรับสมัครนักเรียนช่างทั้งหมด ให้เหลือเพียงนักเรียนพาณิชย์
ขณะที่มาตราการดูแลความเรียบร้อยของสถาบันอาชีวะต่าง ๆ อาจารย์ร่วมกับตำรวจในพื้นที่ ก็ต่างช่วยกันดูแลนักเรียนของตัวเอง คอยรับส่งทั้งก่อนเข้าเรียนและกลับบ้าน ตามจุดเสี่ยง ทั้งป้ายรถประจำทาง สถานีรถไฟ และจุดรวมพลหน้าห้างสรรพสินค้า ป้องกันเหตุความรุนแรงควบคู่ไปด้วย
