สนามข่าว 7 สี - วันนี้ ตรงกับวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ทั่วโลกต่างจัดกิจกรรม เพื่อรณรงค์ขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ และประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคีเครือข่าย ได้ร่วมจัดกิจกรรม เพื่อผนึกกำลังมุ่งมั่นแก้ไขปัญหานี้เช่นกัน ไปติดตามบรรยากาศจากคุณภานุรัจน์ ศนีบุตร รายงานสดจาก สำนักงาน ป.ป.ช.
ปีนี้ทุกภาคส่วนส่งตัวแทนร่วมกิจกรรมเนืองแน่น เพื่อรวมพลังปลุกจิตสำนึกคนไทย ต่อต้านการคอร์รัปชัน ภายใต้แนวคิด "ไม่ทำ ไม่ทน ไม่เฉย รวมไทยต้านโกง"
นับตั้งแต่สหประชาชาติ ประกาศให้วันที่ 9 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล และประเทศไทย ได้ให้สัตยาบันเข้าร่วมเป็นรัฐภาคีในอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต เมื่อปี 2554 ก็นับเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ที่ไทยให้ความสำคัญ และมุ่งมั่นกับการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันตลอดมา
สำหรับปีนี้ รัฐบาล พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ภาคีเครือข่าย ภาครัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ได้ร่วมกันจัดงานเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ที่สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ ภายใต้แนวคิด "ไม่ทำ ไม่ทน ไม่เฉย รวมไทยต้านโกง" โดยมีตัวแทนจากทุกภาคส่วนเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง
ภายในงานมีกิจกรรม "รวมพลังไทยต้านโกง" ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน นำโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์ในการต่อต้านการทุจริต เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล พร้อมแสดงสัญลักษณ์มือขวาทับมือซ้าย เพื่อแสดงออกถึงความมุ่งมั่นที่จะร่วมกันปฏิเสธการทุจริตทุกรูปแบบ และความตั้งใจที่จะร่วมแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่การปลุกกระแสสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต และมุ่งยกระดับค่าดัชนีการรับรู้การทุจริตให้เพิ่มสูงขึ้น
จากนั้น จะเป็นการเสวนา "มองมุมใหม่การลงทุนในไทยใสสะอาด" จากตัวแทน ป.ป.ช., สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
สำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริต ที่จัดอันดับโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ประจำปี 2564 จากจำนวน 180 ประเทศทั่วโลก ประเทศไทยได้ 35 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 110 ของโลก หากเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน พบว่าไทยอยู่ในอันดับที่ 6 โดยประเทศที่ได้อันดับ 1 ได้แก่ สิงคโปร์ 85 คะแนน รองลงมาเป็นมาเลเซีย 48 คะแนน ติมอร์-เลสเต 41 คะแนน เวียดนาม 39 คะแนน อินโดนีเซีย 38 คะแนน ตามลำดับ
