ป้าโร่ร้องทุกข์ ตัดต้นกล้วยตัวเอง โดนเพื่อนบ้านแจ้งจับนอนคุก 2 คืน

ป้าโร่ร้องทุกข์ ตัดต้นกล้วยตัวเอง โดนเพื่อนบ้านแจ้งจับนอนคุก 2 คืน

View icon 395
วันที่ 9 ธ.ค. 2565 | 17.06 น.
ข่าวช่อง7HD
แชร์
ป้าโร่ร้องทุกข์ ตัดต้นกล้วยตัวเอง โดนเพื่อนบ้านแจ้งจับนอนคุก 2 คืน อ้างถูกเจ้าหน้าที่รัฐผสมโรงกับเพื่อนบ้านรุมทำร้าย ด้านคู่กรณียืนยัน ไม่มีการทำร้ายแน่นอน

จากกรณีที่เมื่อวาน นางดอกไม้ ยอดรัก อายุ 73 ปี และ นางกุสุมา อ่วมคุ้ม อายุ 55 ปี ชาว อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ได้หอบกระเป๋าเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล และที่ทำการเพจสายไหมต้องรอด เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ เกี่ยวกับปัญหามีเรื่องพิพาทกับเพื่อนข้างบ้าน ถูกกล่าวหาว่าไปตัดต้นกล้วยของเพื่อนบ้าน จนกลายเป็นเรื่องบานปลาย ถึงขั้นขึ้นโรงพักแจ้งความดำเนินคดีกันทั้ง 2 ฝ่าย แต่กลายเป็นว่า ทางฝั่งของ นางกุสุมา บุตรของนางดอกไม้ ต้องไปนอนคุก 2 อยู่ในที่คุมขังของ สภ.เมืองนครสวรรค์ถึง 2 คืน ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ก่อนได้รับการประกันตัวออกมา จึงทำให้ทั้งนางดอกไม้และนางกุสุมาต้องเก็บประเป๋าออกจากบ้าน เพื่อหวังมาร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจากหมดทางพึ่ง เพราะทั้งแม่ลูกระบุว่า ในวันที่เกิดเหตุกับทางฝั่งคู่กรณี มีการเอาทั้งตำรวจ อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงฝ่ายปกครอง มารุมกันทำร้าย และกลายเป็นนางกุสุมาต้องไปนอนอยู่ในคุกนั้น

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ล่าสุด วันที่ 9 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่บ้านยางโทน ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ไปที่บ้านของนางดอกไม้ ยอดรัก และนางกุสุมา อ่วมคุ้ม สองแม่ลูกที่มีการเดินทางไปร้องเรียนยังเพจสายไหม ว่าถูกเพื่อนบ้าน และหน่วยงานราชการรุมกลั่นแกล้งสารพัด เพียงเพราะไปตัดต้นกล้วยของ เพื่อนบ้านที่มีบ้านอยู่ติดกัน โดนนางกุสุมา ได้นำพาผู้สื่อข่าวไปดูต้นกล้วยที่มีปัญหา พบว่า อยู่ในเขตพื้นที่บ้านของนางกุสุมา และต้นกล้วยดังกล่าว แต่เดิมถูกตัดทิ้งไปแล้ว แต่ขณะนี้ ได้มีหน่อกล้วยผุดขึ้นมาใหม่ ซึ่งนางกุสุมายืนยันว่า ต้นกล้วยต้นนี้เธอเป็นคนปลูกเอง และก็อยู่ในอาณาเขตบ้านของเธอเองด้วย แต่ทำไมเธอเองถึงต้องเป็นฝ่ายผิดไปนอนคุกถึง 2 คืน

จากการสอบถามนางกุสุมา เปิดเผยว่า เหตุการณ์วันที่เกิดเรื่องนั้น ตนก็จำอะไรไม่ได้แล้ว มันชุลมุน ขอให้ไปดูในคลิปที่ตนไลฟ์สดไว้ในเฟซบุ๊กของตนแล้วกัน ส่วนเรื่องที่ตนเดินทางไปกรุงเทพเพื่อร้องเรียน เพราะตนต้องการเรียกร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากหลังที่ตนต้องไปนอนคุกถึง 2 คืนแล้ว ก็ยังถูกคุกคามเอาเรื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะ อบต. ที่ได้มีการไปแจ้งความกับตำรวจไล่ให้ตนและครอบครัวออกจากพื้นที่ ซึ่งพยายามจะเอาตนเข้าคุกให้ได้

“แม่ก็ชรา ฉันก็ป่วยมีโรค แต่ก็ถูกบุกรุกคุกคามกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่รัฐมาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 50 จนกระทั่งมามีปัญหากับเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน ก็ถูกกลั่นแกล้งหนักเข้าไปอีก ซึ่งพวกเขาหวังจะเอาฉันให้ติดคุกให้ได้ และก่อนหน้านี้ ฉันได้เคยไปแจ้งความร้องเรียนทั้งพวกเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาบุกรุกกลั่นแกล้ง รวมถึงแจ้งความเอาเรื่องเพื่อนบ้านที่มาทำร้ายฉันแล้ว แต่ตำรวจก็ไม่มีการดำเนินการอะไรเลย แต่กลับกลายเป็นว่ามาดำเนินคดีกับฉัน แถมยังมาไล่ที่ฉันเพียงฝ่ายเดียว แต่ฝ่ายเพื่อนบ้านไม่โดนอะไรเลยสักอย่าง ทั้งที่ต้นกล้วยก็ของฉัน ตั้งอยู่ในที่ของฉันๆ ตัดทิ้ง มันก็สิทธิ์ของฉัน แต่เพื่อนบ้านกลับไปอ้างหน้าตาเฉยว่าเป็นต้นกล้วยของมัน และตำรวจก็เชื่อมันมาจับฉันไปนอนคุก 2 คืนเฉยเลย แบบนี้ ฉันไม่โดนคุกคามกลั่นแกล้งได้อย่างไร”

เมื่อถามถึงการร้องขอความเป็นธรรม นางกุสุมา ระบุว่า ที่ผ่านมาตนเดือดร้อนจริง ต้องสู้คดีกับเพื่อนบ้าน แล้วยังถูกเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะ อบต.มากลั่นแกล้ง แจ้งความไล่ตนและครอบครัวให้ออกจากพื้นที่ ซึ่งต้นก็เคยไปร้องเรียนหลายที่มาก แถมยังมีการทำหนังสือร้องเรียนไปด้วย ซึ่งทางหน่วยงานที่ตนไปร้องเรียนก็มีทำเรื่องส่งกลับมายังหน่วยงานท้องถิ่นให้มาดูแล แต่พวกนี้ก็ยังโกหกมดเท็จส่งเรื่องไม่จริงรายงานกลับไป ตนจะได้รับความเป็นธรรมได้อย่างไร แต่เมื่อวานก็เริ่มพอมีความหวังขึ้นมาหน่อย เมื่อมีคนพาไปร้องกับทางเพจสายไหมต้องรอด และทางเขาก็มีการดำเนินการให้ ซึ่งก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้น

เมื่อถามถึงกรณีที่มีเพื่อนบ้านหลายคนกล่าวหาว่าบ้านของนางกุสุมา ชอบไปเอะอะโวยวาย และชอบไปต่อว่าใครต่อใครในละแวกแถวบ้านไปเรื่อย นางกุสุมา ยืนยันว่า ตนว่าจริง แต่ก็จะว่ากับคนที่ไม่ดีกับบ้านตน พวกคนที่มาคุกคุม ชอบไปติฉินนินทาว่าร้ายลับหลัง ตนก็ว่าหมด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ชอบมาบุกรุกคุมความ ตนก็ด่าว่าจริง เพราะเขาคิดไม่ดีกับตน แต่กับคนอื่นที่เขาดีด้วย ตนไม่เคยด่าว่าร้ายเขาเลยนะ เขามาดี ตนก็คุยดี ส่วนเรื่องบ้านที่ตนอยู่ตอนนี้ ยอมรับว่าเป็นที่เดิมเป็นที่รกร้างว่างเปล่า เป็นสาธารณประโยชน์ ไม่มีโฉนด ซึ่งครอบครัวตนก็ย้ายมาจับจองสร้างบ้านอยู่ที่นี่นานกว่า 30 ปีแล้ว ซึ่งหลายๆ คนส่วนใหญ่ที่ย้ายมาที่นี่ ก็มาอาศัยอยู่ในที่หลวงกันแทบทั้งสิ้น แต่ทำไม พวกนั้น รวยมีเงินมากว่าตน กลับไม่ถูกไล่ แต่กลับมาไล่ตนออกจากพื้นที่เพียงแค่ครอบครัวเดียว แบบนี้มันไม่ยุติธรรมหรือ จึงอยากฝากไปยังหน่วยงานที่สามารถให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวตนได้ โปรดมาช่วยที ครอบครัวตนเป็นครอบครัวยากจน ตนก็ไม่มีงานทำ ถ้ามาไล่ตน ตนจะย้ายไปอยู่ที่ไหน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อสอบถามไปยัง อบต.ในท้องที่ของนางกุสุมา รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แต่ก็ยังไม่มีใครสะดวกจะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนการติดต่อไปยังเพื่อนบ้านคู่กรณีของนางกุสุมา ก็ไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปติดตามประเด็นเรื่องที่ตำรวจจับนางกุสุมานอนคุกถึง 2 คืน กับ พ.ต.ท.สุทัศน์ ม่วงสุข พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งเป็นเจ้าของคดี ได้รับการยืนยันว่า ถ้าเรื่องนี้ ต่างคนต่างอยู่ ต่างถ้วยที ถ้อยอาศัยกัน มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลย

พ.ต.ท.สุทัศน์ ระบุว่า ในที่เกิดเหตุเพื่อนบ้านคู่กรณี ได้มาที่โรงพัก เพื่อให้ลงบันทึกประจำวันว่านางกุสุมาไปตัดต้นกล้วยของเขา แต่ไม่ประสงค์จะเอาเรื่อง แต่ต้องการให้ตำรวจไปช่วยไกล่เกลี่ยกับทางกุสุมาให้หน่อย เนื่องจากที่ผ่านมา นางกุสุมามักจะชอบหาเรื่องไปด่าว่าทางฝั่งของเพื่อนบ้านคู่กรณี อยู่เป็นประจำ เพื่อนบ้านคู่กรณีจึงอยากให้ไปไกล่เกลี่ย โดยขอให้ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมาวุ่นวายกัน ประกอบกับในตอนนั้น ทาง อบต.นครสวรรค์ตก ได้เคยแจ้งความนางกุสุมาบุกรุกที่ด้วยด้วย จึงทำให้ตน ต้องร่วมไปกับทางรอง นายก อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และฝ่ายปกครอง ไปพูดคุยเจรจากับนางกุสุมา แต่เมื่อไปถึงปรากฏว่า นางกุสุมาเกิดมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกับเพื่อนบ้านคู่กรณี กลายเป็นว่ากลุ่มที่ไป ต้องคอยแยกห้ามทัพทั้งสองฝ่ายกันชุลมุน เพราะตอนนั้น ต่างคนต่างไม่ยอมกัน

“ผมยืนยันนะ วันนั้น ไม่มีใครไปทำร้ายซ้ำเติมป้ากุสุมาแกเลย มีแต่ห้ามกันให้วุ่น เพราะป้าแกแรงมาก แต่ก็อาจจะมีบ้างในช่วงที่จังหวะจับแยกที่มันชุลมุน เลยทำให้ป้าแกเข้าใจว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐไปผสมโรงถูกทำร้าย แต่ไม่มีแน่นอน”

เมื่อถามถึงกรณีที่นางกุสุมา ระบุว่า ต้นกล้วยเป็นของตนเอง และก็ปลูกในที่ตนเอง แต่ไปตัด ทำไมถึงต้องติดคุก พ.ต.ท.สุทัศน์ กล่าวว่า หลังจากที่นางกุสุมามีเรื่องมีราวกับเพื่อนบ้านคู่กรณี ปรากฏว่า นางกุสุมาเดินทางมาแจ้งความถูกทำร้ายร่ายก่อน จึงทำให้เพื่อนบ้านคู่กรณี เดินทางมาแจ้งความกลับ ฐานทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียทรัพย์เช่นกัน โดยเจ้าตัวยืนยันว่า เขาเป็นเจ้าของต้นกล้วย ซึ่งในส่วนคดี ตนก็อยู่ในเหตุการณ์ เห็นหมดทุกอย่างว่า เพื่อนบ้านคู่กรณีไม่ได้เข้าข่ายทำร้ายร่างกาย มีแต่นางกุสุมา ที่เดินปรี่เข้าใส่นายชำนาญเพื่อนบ้านคู่กรณีฝ่ายเดียว จนต้องห้ามกันวุ่นวาย ผิดกับนางกุสุมา ที่โดนแจ้งความ เข้าข่ายถูกโดนข้อหาทำร้ายร่างกายมากกว่า แต่ก็เป็นเพียงคดีลหุโทษเท่านั้น

ส่วนเรื่องที่ทำให้นางกุสุมาต้องนอนในคุก เนื่องจากถูกเพื่อนบ้านคู่กรณี แจ้งความทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งทางตนก็มีหมายเรียกให้นางกุสุมา นำหลักฐานมาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ครั้ง แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมมาให้ปากคำชี้แจง ไม่นำหลักฐานว่านางกุสุมาเป็นเจ้าของต้นกล้วยมายืนยัน เมื่อโดนหมายเรียกถึง 2 ครั้งไม่มา จึงโดนหมายจับ

“ตอนออกหมายจับ ผมก็ไม่ได้ไปรีบตามจับเขานะ และเวลาก็ผ่านไปนานเหมือนกัน จนกระทั่ง นางกุสุมาเดินทางมาที่โรงพัก แกจะมาแจ้งความร้องทุกข์โดนเจ้าหน้าที่ประปาหมู่บ้านกลั่นแกล้งปล่อยน้ำไปขังบ้านแก ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่แกมีหมายจับติดตัว จึงโดนจับบนโรงพักทันที และวันที่จับก็เป็นวันเสาร์ ติดวันหยุดราชการ จึงทำให้ส่งฟ้องศาลไม่ได้ เลยต้องนอนอยู่ในห้องขัง 2 คืน รอจนถึงวันจันทร์ ถึงมีการส่งฟ้องศาล ส่วนคดีทำให้เสียทรัพย์ ป้าแกก็ต้องนำหลักฐานไปว่ากันตามกฏหมาย หากยืนยันได้ว่าต้นกล้วยเป็นของป้า ก็ไม่ถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด แต่เรื่องของเรื่อง ป้าแกไม่มาชี้แจงตั้งแต่แรก”

เมื่อถามเรื่องถูกไล่ที่ พ.ต.ท.สุทัศน์ กล่าวว่า ทาง อบต.ได้มาแจ้งความไว้นานแล้ว อยู่ในระหว่างไกล่เกลี่ย ต้องอธิบายก่อนว่าเป็นที่สาธารณะ อยู่ในความรับผิดชอบของ อบต. และที่บ้านของนางกุสุมาอยู่ในบริเวณของการประปาหมู่บ้าน อบต. ซึ่งทาง อบต.ต้องการเรียนคืน แต่ไม่รู้จะดำเนินการพัฒนาที่ดินเป็นอะไร แต่ทราบเพียงว่า ที่ผ่านมา นางกุสุมามักจะมาร้องเรียนในเรื่องของน้ำที่ระบายออกจากประปาหมู่บ้านมาขังอยู่ในที่บ้านของนางกุสุมาเสมอ ซึ่งเรื่องนี้ ต้องให้ทางฝ่าย อบต.ชี้แจงเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง