ชูวิทย์ เดินหน้าแฉ ทุนจีนสีเทา คือ อาชญากรรมข้ามชาติ

View icon 71
วันที่ 15 ธ.ค. 2565 | 07.10 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - คดี "นายทุนจีนสีเทา" ที่มีการถกเถียงเปิดเผยข้อมูลกันไปมาว่า จะเข้าข่ายเป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่ มีข้อยุติแล้ว หลังอัยการสูงสุดสั่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาคดีนี้ ขณะที่ DSI ก็เสนอคดีนี้เข้าบอร์ดคณะกรรมการพิจารณารับเป็นคดีพิเศษแล้วเช่นกัน

ยังไม่จบกับเรื่องที่มีการเปิดเผยข้อมูลกันไปว่าคดี "นายทุนจีนสีเทา" เข้าข่ายเป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่ โดย นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้ออกมาอธิบายเหตุผลถึงเรื่องนี้เพิ่มเติม ไปพร้อม ๆ กับการแฉให้เห็นความพยายามช่วยเหลือผู้ต้องหาในคดีนี้ด้วย

โดย นายชูวิทย์ เปิดเผยว่า ข้อมูลที่ได้รับมา พบว่ามีกลุ่มชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทย เพื่อมาปาร์ตีเสพยาเสพติด โดยใช้เครื่องบินส่วนตัวขนยาฯ เข้ามาเอง และพบการฟอกเงิน ที่เกิดจากกระบวนการโอนและซื้อขายหุ้นไทย ผ่านโบรกเกอร์ในไทย แล้วเบิกเงินสดมาใช้จ่าย ซึ่งข้อมูลนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า ทำไมคดีนี้ถึงเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมข้ามชาติ

พร้อมกันนี้ ยังได้แสดงใบสูติบัตรของเด็กที่เกิดจากสามีคนไทย และภรรยาชาวจีน ที่ไปรับบริการทำคลอดจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งของไทย เพื่อให้เด็กได้รับสัญชาติไทยโดยอัตโนมัติ ก่อนจะโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินต่าง ๆ เช่น บ้าน, รถ, หุ้นบริษัท ให้เป็นชื่อของเด็กคนนี้เป็นผู้ถือครอง เพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือของข้อมูลนี้ด้วย

ด้าน พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ถูกจับตามอง เพราะเป็นคนเคยยืนยันว่าคดีนี้ยังไม่พบองค์ประกอบเข้าข่ายเป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติ ก็ยังคงยืนยันคำตอบเดิม เพราะข้อมูลการสืบสวนที่ดำเนินการมาตั้งแต่คดี "ผับท็อปวัน" เว้นช่วงคดี "ผับจินหลิง" ก่อนจะได้รับมอบหมายให้มากำกับดูแลด้านการสืบสวนคดีของกลุ่ม "นายตู้ห่าว" นั้น ในชั้นสืบสวนยังไม่พบหลักฐานใดที่เพียงพอจะนำไปแจ้งข้อหาความผิดที่เกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมข้ามชาติได้ทันที

ส่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ข้อมูลว่าคดีนี้ "เข้าข่าย" อาจเป็นเพราะได้ข้อมูลมาจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่เป็นหัวหน้าชุดสอบสวน ที่ได้นำข้อมูลการสืบสวนไปประกอบสำนวนคดี แล้วพบความเชื่อมโยง จึงนำเรียนไปแบบนั้น

ส่วนความคืบหน้าคดีนี้ ก็บอกว่าสืบสวนไปกว่า 90% แล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาเอาผิดกับตำรวจ ที่เอื้อประโยชน์ช่วยเหลือผู้กระทำผิด ซึ่งจะมีตั้งแต่ตำรวจชั้นประทวน และอาจมีตำรวจยศนายพลด้วย คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จใน 2 สัปดาห์