วันนี้ (21 ธ.ค. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาล IDMB ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้รับแจ้งให้ช่วยจับกุมผู้ต้องหาในคดีข่มขื่นกระทำชำเราแฟนรุ่นน้องหลังจัดงานเลี้ยงกลุ่มเพื่อน โดยผู้ต้องหาแสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษอาสาไปส่งหญิงรุ่นน้องที่มึนเมา แต่กลับพาเข้ารีสอร์ตย่านคลองสามวา และได้ทำการล่วงละเมิดทางเพศ สืบสวนนครบาลจึงเร่งสืบสวนและติดตามคนร้ายรายนี้โดยเร็ว
โดยเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 65 เวลาประมาณ 20.30 น. ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พร้อม พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.ธนากร จอมเกาะ สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายณัฐพนธ์ โมสันเทียะ หรือ แขกออเงิน อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1345/2565 ลงวันที่ 7 ธ.ค. 65 โดยกล่าวหาว่า “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็นด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” สามารถจับกุมตัวได้ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ สุขาภิบาล 5 ซอย 51 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม.
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 64 นายณัฐพนธ์ หรือแขกออเงิน และเพื่อนอีกหลายคนได้มีงานเลี้ยงในบ้านพักย่านคลองสามวา ต่อมาเพื่อนคนสนิทคนหนึ่งของนายณัฐพนธ์ ซึ่งอยู่ในวงเหล้าได้มีปากเสียงอย่างรุนแรงกับแฟนสาว อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ ซึ่งทั้งสองทะเลาะกันอย่างรุนแรงกระทั่งถึงจุดแตกหัก ฝ่ายชายซึ่งเป็นเพื่อนของนายณัฐพนธ์ได้ขับรถออกไปคนเดียว โดยทิ้งแฟนสาวนั่งร้องไห้เสียใจในงานเลี้ยง หลังจากนั้นนายณัฐพนธ์ที่เป็นเพื่อนสนิทของฝ่ายชาย อาศัยจังหวะเข้าปลอบประโลม กระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. ผู้เสียหายเกิดอาการมึนเมาไม่ได้สติ นายณัฐพนธ์จึงได้อาสาเพื่อขับรถพาไปส่ง
แต่ระหว่างทาง นายณัฐพนธ์ไม่ได้พาไปส่งที่บ้าน กลับพาเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูดย่านคลองสามวา ก่อนลงมือข่มขืนผู้เสียหายซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาและไม่ได้สติ กระทั่งรุ่งเช้าผู้เสียหายได้ตื่นมาพบว่าตนเองมิได้อยู่บ้าน แต่กลับนอนอยู่กับนายณัฐพนธ์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของแฟนตนเอง ในสภาพไม่ได้สวมเสื้อผ้า หลังเหตุการณ์ดังกล่าวผู้เสียหายจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายณัฐพนธ์ฯ ที่ สน.คันนายาว โดยต่อมาพนักงานสอบสวนได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งได้ขออนุมัติศาลอาญามีนบุรีออกหมายจับนายณัฐพนธ์
ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ธนากร นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. สืบสวนติดตามซึ่งได้สืบทราบว่า นายณัฐพนธ์เป็นช่างสัก เปิดร้านรับสักลายอยู่ละแวกแขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ และได้ทำการจับกุมตัวนายณัฐพนธ์ได้ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ โดยขณะจับกุมตัว นายณัฐพนธ์แสร้งหลอกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่าตนเองไม่ใช่นายณัฐพนธ์ เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม แต่ไม่สามารถตบตาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ เนื่องจากชุดจับกุมได้ตรวจสอบรอยสักบนตัวของนายณัฐพนธ์ จึงยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ
ในชั้นจับกุม นายณัฐพนธ์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ผู้เสียหายเป็นแฟนของเพื่อนคนสนิทตนเองที่คบกันมาหลายปี โดยในวันเกิดเหตุตนได้อาสาพาผู้เสียหายซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อไปส่งบ้านละแวกฝั่งธนบุรี แต่ระยะทางไกลเกินไป จึงแวะพักโรงแรมม่านรูดย่านคลองสามวา และอ้างว่าฝ่ายหญิงเป็นผู้จ่ายค่าห้องโรงแรม ส่วนตนเองนั้นนั่งสูบบุหรี่อยู่ ซึ่งหลังเปิดห้องผู้เสียหายไม่ได้สติ ตนเองจึงลงมือถอดกางเกงและข่มขืน แต่ระหว่างลงมือได้เกิดความรู้สึกผิด จึงไม่ได้ลงมือต่อ แต่นอนอยู่บนเตียงเดียวกันจนถึงกระทั่งรุ่งเช้า ซึ่งหลังเหตุการณ์ดังกล่าวประมาณ 2 วัน เพื่อนสนิทของตนนั้นได้พาผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สน.คันนายาว ซึ่งหลังจากนั้นตนเองได้จ่ายค่าเสียหายไปให้ เป็นเงินจำนวน 150,000 บาท แล้ว โดยอ้างว่าที่ทำไปทั้งหมดนั้นเพราะอาการเมา
