ทร.ค้นหากำลังพล ร.ล.สุโขทัย ที่ยังสูญหาย อย่างไม่ลดละ!! ขยายพื้นที่ไปถึงสุราษฎร์ฯ

ทร.ค้นหากำลังพล ร.ล.สุโขทัย ที่ยังสูญหาย อย่างไม่ลดละ!! ขยายพื้นที่ไปถึงสุราษฎร์ฯ

View icon 369
วันที่ 22 ธ.ค. 2565 | 15.25 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (22 ธ.ค.65) พลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงแผนการปฏิบัติการค้นหาและให้การช่วยเหลือกำลังพลบนเรือหลวงสุโขทัยที่อับปางกลางทะเลอ่าวไทย ว่า ทางศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือภาคที่ 1 จัดเรืออากาศยานของกองทัพเรือ และประสานกับกองทัพอากาศ รวมถึงศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ตลอดจนหน่วยงานอื่นๆเข้าร่วมในการค้นหา โดยคำนวณจากทิศทางของกระแสน้ำและกระแสลม รวมทั้งบริเวณที่ตรวจพบและช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยล่าสุด นำมาพิจารณาพื้นที่ ที่เป็นไปได้ว่ากำลังพลที่เหลือจะอยู่ตรงบริเวณดังกล่าว

โดยในวันนี้ยังคงแบ่งพื้นที่ปฏิบัติการออกเป็น 11 พื้นที่ มีเรือและอากาศยาน รับผิดชอบการค้นหาในพื้นที่ต่างๆ ดังนี้  เรือหลวงตากสิน อยู่ในพื้นที่ค้นหาที่ 5  เรือหลวงนเรศวร อยู่ในพื้นที่ค้นหาที่ 9 และทำหน้าที่ควบคุมอากาศยาน เรือหลวงกระบุรี อยู่ในพื้นที่ค้นหาที่ 10 และ 11  เรือหลวงนราธิวาส อยู่ในพื้นที่ค้นหาที่ 12 เรือ ต.114 ลาดตระเวนเฝ้าตรวจ บริเวณหมู่เกาะอ่างทอง  เรือ ต.270 อยู่ในพื้นที่ค้นหาที่ 14

ในส่วนของการปฏิบัติการของอากาศยาน เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลแบบดอร์เนีย จากทัพเรือภาคที่ 1 ทัพเรือภาคที่ 2 และทัพเรือภาคที่ 3 ทำการค้นหาในพื้นที่ค้นหา 6 และ 10  โดยมีเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำแบบซีฮอว์ค และ เฮลิคอปเตอร์ แบบ EC -725 ของกองทัพอากาศ รอรับการส่งกำลังบำรุงในบริเวณพื้นที่ปฏิบัติการ นอกจากนั้นจะมีกำลังทางเรือของหน่วยงานต่างๆ ของ ศรชล. ประกอบด้วย ตำรวจน้ำ กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึง กรมประมง ร่วมปฏิบัติการค้นหาในพื้นที่บริเวณชายฝั่ง

นอกจากนั้นในส่วนของการสำรวจใต้น้ำ กองทัพเรือ สั่งการให้กองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ  นำยานสำรวจใต้น้ำของเรือหลวงบางระจัน ทำการบันทึกภาพใต้น้ำบริเวณเรือหลวงสุโขทัยอับปาง เพื่อค้นหาร่างของกำลังพลที่อาจติดค้างอยู่ภายในเรือ รวมถึงการตรวจหารอยรั่วของน้ำมันที่อาจเกิดการรั่วไหล

สรุปยอดกำลังพลบนเรือหลวงสุโขทัย จำนวน 105 นาย ช่วยเหลือได้แล้ว 76 นาย เสียชีวิต 6 นาย  ยังคงสูญหาย 23 นาย ประกอบด้วย

1.ว่าที่ นาวาตรี พลรัตน์ สิโรดม                                13.จ่าตรี สิริธิติ งามทอง
2.จ่าเอก ไพร ร่วมญาติ                                            14.พลทหาร วรพงษ์ บุญละคร
3. พันจ่าเอก จิราวัฒน์ เจริญศิลป์                              15.พลทหาร อับดุลอาชีด มะแอ
4.จ่าเอก บุญเลิศ ทองทิพย์                                      16.พลทหาร สุทธิพงษ์ หงส์ทอง  
5.จ่าเอก ชูชัย เชิดชิด                                              17.พลทหาร จำลอง แสนแก
6. จ่าโท ธวัชชัย สาพิราช                                         18.พลทหาร ทวีศักดิ์ แซ่เชียว
7.จ่าโท สหรัฐ อีสา                                                  19.พลทหาร จิราวัฒน์ ธูปหอม
8.จ่าตรี นพณัฐ คำวงศ์                                              20.พลทหาร ปรีชา รักษาภักดี
9.จ่าตรี สถาพร สมเนื้อ                                             21.พลทหาร ชลัช อ้อยทอง
10.จ่าตรี ศราวุธ นาดี                                                22.พลทหาร ชัยชนะ ช่างวาด
11.จ่าตรี ศุภกิจ ทิวาลัย                                            23.พันจ่าเอก คุณากร จริยศ
12.จ่าตรี โสภณ วงษ์สนิท                                                                                                                         

ในส่วนของผู้เสียชีวิตทั้ง 6 นาย คือ เรือโท สามารถ แก้วผลึก พันจ่าเอก สมเกียรติ หมายชอบ พันจ่าเอก อัชชา แก้วสุพรรณ์ พันจ่าเอก อำนาจ พิมที จ่าเอก จักรพงค์ พูนผล และพลทหาร อัครเดช โพธิ์บัติ ในช่วงบ่ายวันนี้ กองทัพเรือจะเคลื่อนร่างของกำลังพลทั้ง 6 นาย  เดินทางกลับอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยเครื่องบิน C-130 ของกองทัพอากาศ จากกองบิน 5 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีกำหนดเดินทางถึงสนามบินอู่ตะเภา ในเวลา 14.30 น. ซึ่ง พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ จะเป็นประธานในพิธีรับกำลังพลที่เสียชีวิต โดยพิธีจะเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับอย่างสมเกียรติ

และในเวลา 17.00 น. จะมีการประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ โดยผู้เสียชีวิตทั้ง 6 นาย โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ศพอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ โดยตั้งบำเพ็ญกุศลฯ กิจการฌาปนสถานกองทัพเรือ สัตหีบ 

ในส่วนของสิทธิกำลังพลผู้เสียชีวิตนั้น กรณีนี้กองทัพเรือถือว่ากำลังพลดังกล่าวเป็นผู้ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จะพิจารณาบำเหน็จด้านสิทธิกำลังพลสูงสุดให้แก่กำลังพลดังกล่าว โดยจะพิจารณาเลื่อนชั้นเงินเดือน 3 - 5 ชั้น กับขอพระราชทานเลื่อนยศ 2 - 4 ชั้นยศ รวมทั้งเงินช่วยเหลืออื่นๆ ตามสิทธิที่สมควรจะได้รับ โดยกองทัพเรือ จะเร่งรัดการดำเนินการให้กำลังพลและครอบครัว ได้รับสิทธิกำลังพลเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือนร้อนในเบื้องต้นให้แก่กำลังพลและครอบครัวต่อไป