ศูนย์จีโนมฯ เผยข่าวดี งานวิจัยล่าสุดจากแคนาดา “ภูมิคุ้มกันไฮบริด” หลังฉีดเข็ม 4

ศูนย์จีโนมฯ เผยข่าวดี งานวิจัยล่าสุดจากแคนาดา “ภูมิคุ้มกันไฮบริด” หลังฉีดเข็ม 4

View icon 162
วันที่ 25 ธ.ค. 2565 | 10.58 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ศูนย์จีโนมฯ เผยข่าวดี งานวิจัยล่าสุดจากแคนาดา ภูมิคุ้มกันไฮบริด หลังฉีดกระตุ้นเข็ม 4 ร่วมกับการติดเชื้อตามธรรมชาติ สร้างภูมิที่แข็งแกร่งจาก สายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่  BQ.1.1

ข่าวดีภูมคุ้มกันไฮบริด วันนี้ (25 ธ.ค.65) เพจศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล เผยข่าวดี! งานวิจัยล่าสุดจากทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยมอนทรีออล ประเทศแคนาดา แสดงให้เห็นว่าภูมิคุ้มกันแบบผสม (hybrid immunity) อันเกิดจากการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น “mRNA” เข็มที่ 4  ให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดส 3 เข็มตามด้วยการติดเชื้อตามธรรมชาติ จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งต่อต้านการติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่  BQ.1.1 ได้ดีขึ้น

ข้อความตอนหนึ่งระบุว่า นับตั้งแต่มีการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนเมื่อปลายปี 64 พบว่าโอมิครอนได้มีการวิวัฒนาการกลายพันธุ์เกิดเป็นสายพันธุ์ย่อยมากมายที่ดื้อต่อยาฉีดต้านไวรัสประเภทสร้างภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (โมโนโคลนอลแอนติบอดี) และดื้อต่อวัคซีนไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย วัคซีนที่อาศัยไวรัสเป็นพาหะ หรือวัคซีนชนิด mRNA

ศ.อันเดรส ฟินซี ภาควิชาจุลชีววิทยา โรคติดเชื้อและวิทยาภูมิคุ้มกัน และทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยมอนทรีออล ประเทศแคนาดาได้นำเสนอผลงานวิจัย แสดงให้เห็นว่า กลุ่มผู้ที่รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ของไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา ครบโดส 3 เข็ม จะมีภูมิคุ้มกันที่ด้อยประสิทธิภาพในการเข้าจับและทำลายโอมิครอน โดยเฉพาะโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่ เมื่อเปรียบเทียบกับการเข้าจับและทำลายโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม เช่น ไวรัสอู่ฮั่น อัลฟา เบตา แกมมา และเดลตา

อย่างไรก็ดี พบว่าในกลุ่มที่เคยรับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ครบโดส และต่อมามีการติดเชื้อตามธรรมชาติ เมื่อได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่ 4 ไม่ว่าจะเป็น วัคซีนของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา รุ่นแรก ซึ่งใช้หัวเชื้อเป็นโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิม ไวรัสอู่ฮั่น หรือวัคซีนรุ่นที่สอง โดยหัวเชื้อที่ใช้เป็นโควิด 2 สายพันธุ์ คือ ไวรัสอู่ฮั่น  และโอมิครอน BA.4/BA.5 จะสามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่ เช่น BQ.1.1 ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 4 เข็มในลักษณะที่กล่าวข้างตันแต่ไม่เคยติดเชื้อตามธรรมชาติ โดยประเมินว่าด้วยการฉีดวัคซีนในลักษณะนี้สามารถป้องกันโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่อุบัติใหม่สายพันธุ์อื่นอาทิ XBB ได้ด้วยเช่นกัน 

63a7cd654b0463.83652846.jpg

วัคซีน mRNA รุ่นที่ 2 แม้จะยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่ที่ไม่ครอบคลุม แต่ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในช่วงที่การพัฒนาวัคซีนที่สามารถป้องกันการติดเชื้อที่ครอบคลุมสายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์ใหม่ที่จะอุบัติขึ้นในอนาคตยังไม่แล้วเสร็จ 

สรุปว่าสำหรับหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยที่แม้ประชาชนส่วนใหญ่ได้วัคซีนจนครบโดส 3 เข็มแต่กลับพบว่าประชนจำนวนมากได้ทยอยติดเชื้อตามธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากคนกลุ่มนี้ในอนาคตอีก 4-6 เดือนข้างหน้าได้รับวัคซีน mRNA โดยเฉพาะวัคซีนรุ่นที่ 2 อาจทำให้มีภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอนสายตระกูล BQ.1.1 หรือ XBB ที่คาดว่าจะมีการระบาดใหญ่ในปีหน้า 2566 ได้ดีขึ้นในระดับหนึ่ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง