อัยการ เตรียมแจ้งข้อหาฟอกเงิน “ตู้ห่าว” เล็งออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มก่อนสิ้นปี

อัยการ เตรียมแจ้งข้อหาฟอกเงิน “ตู้ห่าว” เล็งออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มก่อนสิ้นปี

View icon 247
วันที่ 26 ธ.ค. 2565 | 15.55 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
อัยการ เตรียมแจ้งข้อหาฟอกเงิน “ตู้ห่าว” เล็งออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 ชุดก่อนสิ้นปี ขณะที่ ผบ.ตร-น. ชิ่งหนี เจอชูวิทย์โผล่ห้องแถลง

วันนี้ (26 ธ.ค.65) นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และนายโกศลวัฒน์  อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้าการสืบสวนคดีของนายตู้ห่าวว่า ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการสอบสวนขึ้น เพื่อร่วมมือสืบสวนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ทันกรอบเวลากำหนดฝากขังผู้ต้องหา ครั้งที่ 6 คือภายในวันที่ 8 ม.ค.66

โดยนายกุลธนิต ยืนยันว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และการสอบสวนยังไม่เสร็จ แต่ก็มีพยานหลักฐานมากพอที่ขอออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง 15 คนไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นผู้ต้องหา 2 กลุ่ม คือกลุ่มร่วมกันฟอกเงิน และกลุ่มร่วมกันสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ล่าสุดจับกุมได้แล้ว 10 คนแจ้งข้อหาแตกต่างกันไปตามความผิดแต่ละคน เช่น สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด อันเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม, ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต, สมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ นอกจากนี้ ยังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาอย่างน้อยอีก 1 ชุด ซึ่งคาดว่าจะขอศาลออกหมายจับได้อีกก่อนสิ้นปีนี้

ดังนั้น ยืนยันว่าคดีนี้หลักฐานเชื่อมโยงชัดเจนว่าเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และสำนักงานสูงสุดเป็นผู้มีอำนาจรับผิดชอบ โดยได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนของตำรวจเป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งหลักฐานบางชิ้นอยู่ต่างประเทศ ก็จะมีขั้นตอนในการประสานขอความร่วมมือไปยังประเทศนั้นๆ เพื่อให้ส่งพยานหลักฐานกลับมาประกอบในสำนวน

ส่วนนายตู้ห่าวก็ยืนยันว่าขณะนี้พนักงานอัยการมีพยานหลักฐานชักเจนว่านายตู้ห่าวกระทำความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน และเตรียมจะแจ้งข้อหานายตู้ห่าวเพิ่มเติมภายใน 1-2 วันนี้ และเนื่องจากความผิดเดิมของนายตู้ห่าวคือคดียาเสพติดเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน อัยการก็ได้ประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ให้ดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สิน เพื่อยื่นริบอายัดทรัพย์นายตู้ห่าวแล้ว หากพบหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงผู้กระทำความผิดรายอื่น ก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้ทันที

ทั้งนี้ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ยังฝากเตือนว่า บุคคลที่เผยแพร่ข้อมูลหรือเอกสาร ที่อาจส่งผลกระทบต่อรูปคดี ตามกฎหมายแล้วอาจเข้าข่ายความผิดฐานขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวนได้

อย่างไรก็ตาม ในการแถลงข่าววันนี้ กำหนดการเดิมพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะมาร่วมแถลงข่าวกับอัยการด้วย แต่เมื่อมาถึงกลับถอนตัวกระทัน ก่อนที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะเข้าร่วมสังเกตการณ์การแถลงข่าวในครั้ง คาดว่าเพื่อลดการเผชิญหน้า เนื่องจากกำลังตกเป็นประเด็นที่ถูกนายชูวิทย์กล่าว

โดยนายชูวิทย์ได้ฟังการแถลงข่าวของอัยการสูงสุด ก่อนจะตั้งคำถามในช่วงท้ายของการแถลงเกี่ยวกับการรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจ และการประสานการทำงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่มีปัญหา ซึ่งนายกุลธนิต ชี้แจงว่า อัยการไม่ได้รับสำนวนจากตำรวจมาเพียงอย่างเดียว แต่ยังตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อความถูกต้อง ครบถ้วน เพื่อคลี่คลายประเด็นสงสัยต่างๆ แล้ว และมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมในอีกหลายส่วน ซึ่งปัจจุบันมีพยานมากกว่า 100 ปาก และมีการออกหมายจับเพิ่มเติมนอกเหนือจากสำนวนแรก ดังนั้น จึงยืนยันว่าจะดำเนินการสอบสวนต่อเนื่อง ขอให้ทุกคนมั่นใจในการทำงาน

ด้านนายชูวิทย์ เปิดเผยหลังการแถลงข่าวว่า ที่ตนเองออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ ยืนยันไม่ได้หิวแสง และไม่ได้หวังผลทางการเมือง โดยตนเองจะเรียกร้องงานนี้เป็นงานสุดท้าย แม้ไม่ได้มีหน้าที่ในเรื่องนี้ แต่ก็ใช้สิทธิ์ในฐานะประชาชน เพราะแม้อัยการจะมีความสามารถ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา และอำนาจ ก็อาจทำให้แก้ปัญหาสำนวนคดีนี้ไม่ได้ พร้อมชี้ว่าหน่วยงานของรัฐที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ก็คือหน่วยงานของตำรวจ จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีออกมาเคลื่อนไหว จะดำรงตำแหน่งต่อไปทำไม หากไม่ทำประโยชน์ เมื่อคดีนี้เป็นคดีใหญ่ระดับประเทศ เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ก็ควรจะออกมาพูดบ้าง อย่ามัวแต่หาเสียง