ตร.-อัยการ เตรียมสรุปสำนวนคดีตู้ห่าวส่ง อสส. 8 ม.ค.นี้ ยันสำนวนพนักงานสอบสวนครบถ้วนสมบูรณ์

ตร.-อัยการ เตรียมสรุปสำนวนคดีตู้ห่าวส่ง อสส. 8 ม.ค.นี้ ยันสำนวนพนักงานสอบสวนครบถ้วนสมบูรณ์

View icon 147
วันที่ 4 ม.ค. 2566 | 14.15 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ตร.-อัยการ เตรียมสรุปสำนวนคดีตู้ห่าวส่ง อสส. 8 ม.ค.นี้ ยันสำนวนพนักงานสอบสวนครบถ้วนสมบูรณ์ เผยสอบพยานแล้ว 400 ปาก หวั่น ชูวิทย์ เผยแพร่คลิปหรือข้อมูลผ่านทางสื่อ อาจเป็นช่องโหว่ผู้ต้องหานำไปต่อสู้ทางคดี

วันนี้ (4 ม.ค.66) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ คณะทำงานกำกับการสอบสวนและการดำเนินคดีสำคัญ ซึ่งมีนางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด และพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะที่ปรึกษา เข้าร่วมประชุม โดยนายสมเกียรติ คุววัฒนานนท์ รองอัยการสูงสุด หัวหน้าคณะทำงาน และคณะทำงานฯ ได้รายงานความคืบหน้าการสอบสวนคดีนายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ กับพวก

หลังจากประชุมเสร็จ นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมแถลงความคืบหน้าการสอบสวนคดี

โดยพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ ได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวนรวบรวม พยานหลักฐานมาอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอให้ศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับผู้ต้องหาไว้แล้วรวม 25 หมาย จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 17 คน และในวันที่ 31 ธ.ค.65 ได้ขออนุมัติให้ศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 12 หมาย โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 2 คน ได้แก่ MR.FU JI ZING และ นายกฤติธี เหมหงส์ ในความผิดฐานที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับผู้ต้องหา 12 หมาย เป็นความผิดสมคบกันเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน โดยการกระทำมีลักษณะเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ประเภท 2 ไว้ในครอบครอง และจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน จำนวน 2 หมายและความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินจำนวน 10 หมาย ซึ่งคณะทำงานฯ จะพิจารณาขยายผลการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า สำนวนคดี ที่บช.น.ส่งให้อัยการดำเนินการต่อ เนื้อหาอ่อนตามที่นายชูวิทย์กล่าวหาหรือไม่ นายกุลธนิต กล่าวว่า จากการที่พนักงานอัยการได้รับมอบหมายให้ไปร่วมสอบสวน ขั้นตอนแรกเรานำสำนวนการสอบสวนมาตรวจสอบดูว่าพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการอย่างไรไปบ้างแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบสำนวนโดยละเอียด ภาพรวมในสำนวนปรากฎว่าการกำหนดแนวทางการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว ทำสำนวนมาดีทุกอย่าง การสอบสวนไม่ได้มุ่งเน้นว่าผู้ต้องหากระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง แต่มุ่งเน้นรวบรวมพยานหลักฐานว่า กลุ่มผู้ต้องหากระทำความผิดที่เกี่ยวข้องมีบุคคลใดบ้าง ซึ่งอัยการตรวจดูแล้วก็ได้สอบสวนเพิ่มเติมบางส่วนที่ไม่สมบูรณ์ จนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มได้ โดยอาศัยสำนวนหลัก จากพนักงานสอบสวนที่รวบรวมมาได้ ประเด็นที่กล่าวว่าสำนวนการสอบสวนหละหลวมไม่สมบูรณ์ ความจริงแล้วมีความครบถ้วน อัยการเพียงแต่มาหาจุดเชื่อมโยงเพิ่มเติม

เมื่อถามว่า การแจ้งข้อกล่าวหาล่าช้าจะเป็นช่องโหว่ ให้เป็นข้อต่อสู้ของนายตู้ห่าวหรือไม่ นายกุลธนิต กล่าวว่า ไม่เป็นช่องโหว่ เพราะการแจ้งกล่าวข้อหาเป็นเพียงกระบวนการหนึ่ง ส่วนเนื้อหาที่สอบสวนมา ได้รวบรวมการกระทำของผู้ต้องหาว่าเป็นความผิดฐานใดเพื่อให้การสอบสวนลุล่วง โดยคาดว่าคณะทำงานจะส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณาวันที่ 8 ม.ค.นี้ เนื่องจากจะครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 7 ในวันที่ 20 ม.ค.2566 โดยขณะนี้ได้มีการสอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 400 ปาก

ด้านพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า คดีนี้การกระทำของนายตู้ห่าวถือเป็นตัวการหลัก และจากการร่วมสอบสวนกับอัยการจนถึงวันนี้สำนวนมีความคืบหน้าชัดเจน ผู้ต้องหาทั้งหมดก็เป็นเครือข่ายเดียวกัน ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ปล่อยคลิปพาดพิงการทำงานของกองบัญชาการตำรวจนครบาลและนายตำรวจอีกหลายคน ยืนยันว่าข้อกล่าวหาทั้งหมด ตร.ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว 2 ชุด โดยมีพล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะ และมีผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นคณะกรรมการร่วมตรวจสอบเรื่องดังกล่าว รวมทั้งจะมีการเชิญอัยการ 2-3 ท่าน มาร่วมเป็นคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวคลิปและข้อมูลอื่นๆ ที่มีการเผยแพร่ทั้งหมดว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลหรือไม่ โดยจะต้องรายงานให้ทราบภายใน 15 วัน

อย่างไรก็ตาม การเผยแพร่คลิปหรือข้อมูลผ่านทางสื่อนั้น เกรงว่าอาจเป็นช่องโหว่ให้กับกลุ่มผู้ต้องหานำไปต่อสู้ทางคดีได้ หากมีข้อมูลหลักฐานก็สามารถนำมาส่งให้กับตำรวจหรืออัยการได้โดยตรง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการคิดเรื่องการฟ้องร้องกับนายชูวิทย์แต่อย่างใด 

ส่วนการโยกย้ายผู้บัญชาการตำรวจนครบาลตามที่นายชูวิทย์ร้องขอ ยืนยันว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาลด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาทำงานด้วยดีมาโดยตลอด ส่วนการดำเนินคดีข้าราชการตำรวจที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล่อยของกลางและปล่อยตัวผู้ต้องหาในคดีผับจินหลิง ได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ไปแล้ว 4 นาย ประกอบด้วย พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา 2 นาย และรองผู้กำกับจราจร สน.ลาดพร้าว 1 นาย  ขณะนี้ได้ส่งสำนวนทั้ง 3 นายไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณาฐานความผิดมาตรา 157 ส่วนรองผู้บังคับการนครบาล 6 อีกหนึ่งนายอยู่ระหว่างการทำสำนวนส่งให้กับ ป.ป.ช.เช่นกัน พร้อมทั้งให้ตำรวจนครบาลตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงทั้ง 4 คนแล้ว