สนามข่าว 7 สี - การลงทุนทางดิจิทัลเป็นเทรนด์ที่คนยุคใหม่ ใช้เป็นช่องทางในการหารายได้เสริมจากการทำงาน และหลายต่อหลายครั้ง จะมีมิจฉาชีพใช้กลอุบาย ใช้ภาพความร่ำรวยเป็นเหยื่อล่อให้คนหลงเชื่อ เหมือนกับกรณีที่เมื่อวานนี้มีผู้เสียหายนับร้อยคนไปร้องทุกข์กับตำรวจสอบสวนกลาง ให้เอาผิดกับ "ไลฟ์โค้ชคนหนึ่ง" ที่สร้างความเสียหายไปไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ไปลงสนามข่าวนี้กับคุณพิธพงษ์ จตุรพิธพร
ผู้เสียหายคนนี้พยายามอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ขณะที่พากลุ่มผู้เสียหายนับร้อยคนไปแจ้งความดำเนินคดีกับ นายกรวิชญ์ หรือ กอล์ฟ ไลฟ์โค้ชทรงเอ ที่หลอกให้ผู้เสียหายนำเงินไปลงทุนในเงินสกุลดิจิทัลสกุลของนายกอล์ฟ รวมความเสียหายถึงกว่า 500 ล้านบาท ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเมื่อวานนี้ ซึ่งหนึ่งในข้อมูลสำคัญ คือมีการกล่าวหาว่า ผู้เสียหายคนนี้เป็นคนช่วยโยกย้ายทรัพย์สินบางส่วนให้ ซึ่งระหว่างอธิบายก็มีปากเสียงกันเป็นพัก ๆ จนเกือบจะถึงขั้นวางมวยกัน
ส่วนที่มาที่ไปของคดีนี้ เริ่มจากที่ นายกอล์ฟ ซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีในการชักชวนคนมาลงทุน อ้างว่า ตนเองมีระบบบอทที่สามารถลงทุนในเงินสกุลดิจิทัลที่มีชื่อเป็นของตัวเอง และการลงทุนรูปแบบอื่น ๆ สามารถหาเงินปันผลมาให้กับนักลงทุนได้ร้อยละ 0.7% โดยสามารถถอนเงินปันผลออกมาได้ผ่านทางระบบ wallet ของทางบริษัทได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมแสดงภาพที่ตนเองใช้ชีวิตหรูหรา มีรถยนต์หรูนับ 10 คัน, ภาพการซื้อทองคำน้ำหนักครั้งละกว่า 100 บาท และภาพถ่ายกับรองนายกรัฐมนตรี หนึ่งในคณะรัฐบาล ทำให้กลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อ นำเงินไปฝากลงทุนไม่ต่ำกว่า 200 คน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 ซึ่งช่วงแรก ๆ ก็เป็นไปตามสูตร คือ เบิกเงินปันผลออกมาได้ตามที่มีการโฆษณาไว้จริง กระทั่งผู้เสียหายเริ่มไม่สามารถติดต่อ นายกอล์ฟ หรือ ทีมงานได้ จึงเชื่อว่าถูกหลอก
โฆษกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง บอกว่า พฤติการณ์หลอกลงทุนในคดีนี้แทบไม่ต่างอะไรกับแชร์ลูกโซ่ในอดีต เพียงเปลี่ยนจากสินค้า, ทองคำ มาเป็นเงินสกุลดิจิทัล หากสังเกตเรื่องผลตอบแทนที่สูงเกินจริงให้ดี ก็สามารถหลีกเลี่ยงโอกาสการตกเป็นเหยื่อได้
สำหรับเรื่องที่มีการร้องทุกข์นั้น เบื้องต้นตัวแทนตำรวจสอบสวนกลางได้รับเรื่องไว้พิจารณา และนำผู้เสียหายไปสอบปากคำเพื่อเก็บข้อมูลไปให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งดำเนินการต่อไปแล้ว
