ทนายตั้มสวนกลับอดีตรองนายกฯ ผิดฐานแจ้งความเท็จ ลั่นคดีไม่พลิก!!

ทนายตั้มสวนกลับอดีตรองนายกฯ ผิดฐานแจ้งความเท็จ ลั่นคดีไม่พลิก!!

View icon 176
วันที่ 12 ม.ค. 2566 | 10.37 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ทนายตั้มสวนกลับอดีตรองนายกฯ แอบเล่นชู้เมียชาวบ้าน ผิดฐานแจ้งความเท็จ ลั่นคดีไม่พลิก เปิดหลักฐานชี้แจงทุกประเด็น พบเพิ่งหย่าเมียเก่าวันที่ 9 ม.ค.66

คดีอดีตรองนายกฯ แอบเล่นชู้เมียชาวบ้านยังวุ่น วันนี้ (12 ม.ค.66) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม พร้อมนาย ก. (นามสมมุติ) เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตรองนายกรัฐมนตรีรายหนึ่งที่แอบเล่นชู้กับภรรยา ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ อดีตรองนายกฯ มาแจ้งความฐานฉ้อโกง

นายษิทรา เปิดเผยภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวน ว่าวันนี้พา นาย ก. มาแจ้งความดำเนินคดีกับ อดีตรองนายกฯ ย. ในข้อหาแจ้งความเท็จและให้การเท็จ เนื่องจากมีหลายอย่างที่การแจ้งความไม่เป็นความจริง เช่นกรณีที่มีข้อมูลว่า อดีตรองนายกฯ ไปสู่ขอฝ่ายหญิง ทำพิธีหมั้นและให้สินสอด ยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง เป็นเพียงการไปพบครอบครัวฝ่ายหญิงและทานข้าวกันเท่านั้น แต่ถูกเสริมเติมแต่งข้อเท็จจริงเพื่อให้เข้าข้อกฎหมาย ว่าตัวเองสามารถเรียกคืนทรัพย์สินหรือสินสอดที่เคยให้กับฝ่ายหญิงได้ พร้อมกับท้าหากมีพิธีจริงให้นำรูปออกมาโชว์ได้เลย 

ส่วนประเด็นเรื่องคอนโดมิเนียมที่อดีตรองนายกฯ รายนี้ อ้างว่าให้เงินไปซื้อนั้น ทนายตั้ม ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง คอนโดฯ ซื้อตั้งแต่ปี 2562 แต่อดีตรองนายกฯ มารู้จักกันหญิงสาวตอนปี 2565 พร้อมแสดงหลักฐานหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดย่านวงเวียนใหญ่ เขตคลองสาน กรุงเทพฯ ขนาดประมาณ 35 ตารางเมตร ซึ่งจดจำนองตั้งแต่ปี 2562 ก่อนที่ทั้งสองคนจะรู้จักและคบชู้กัน ส่วนเรื่องเงินและทรัพย์สินต่างๆ ที่อ้างว่าได้ให้ฝ่ายหญิงเกือบ 20 ล้านบาท ก็เป็นการอ้างลอยๆ ไม่มีหลักฐานการโอนหรือการเบิกถอน แต่เชื่อว่าอาจจะเคยให้เงินจริงในฐานะชู้รัก แต่ไม่ได้มากถึง 10 กว่าล้าน

นายษิทรา กล่าวอีกว่า อดีตนายกฯ รายนี้ เคยจดทะเบียนสมรสแล้ว และเพิ่งจดทะเบียนหย่าเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา ที่อำเภอสามพราน จ.นครปฐม ก่อนหน้าที่ตัวเองจะแถลงข่าวเปิดประเด็นเรื่องนี้เพียงหนึ่งชั่วโมง ส่วนตัวมองว่าเป็นการจดทะเบียนหย่าเพื่อเปลี่ยนสถานะตัวเอง ให้เอื้อต้องการดำเนินคดีเพื่อเรียกเอาทรัพย์สินคืนจากฝ่ายหญิง

ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า อดีตรองนายกฯ รายนี้ รู้จักกับฝ่ายหญิงมานับ 10 ปี ตั้งแต่สมัยเป็นแคดดี้ และให้เงินไปทำศัลยกรรมนั้นก็ไม่เป็นความจริง ฝ่ายหญิงอายุ 25 ปี หากย้อนกลับไป 10 ปี ฝ่ายหญิงก็มีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น และการศัลยกรรมก็ทำมาก่อนหน้านี้แล้ว

สำหรับที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเป็นขบวนการตบทรัพย์นั้น นายษิทรา ระบุว่า “นาย ก. ก็ไม่ได้รู้เห็นกับขบวนการนี้ เพราะทันทีที่ทราบว่าฝ่ายหญิงนอกใจก็ขอหย่าแต่ภรรยาไม่ยอม จึงต้องใช้กระบวนการกฎหมาย นอกจากนี้ การตบทรัพย์หมายถึงจะต้องไปขอ ไปคุยกันก่อน แต่กรณีดังกล่าวตั้งแต่ทราบเรื่อง นาย ก. ไม่ได้คุยกับอดีตรองนายกฯ ส่วนที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาฉ้อโกง แล้วพ่อฝ่ายหญิงถูกออกหมายจับนั้น อดีตรองนายกฯ รู้อยู่แล้วว่าพ่อของฝ่ายหญิงมีคดีติดตัว ไม่มีทางมาพบตำรวจตามหมายเรียก และที่ตำรวจมีความเห็นสั่งฟ้องนั้น เป็นเพียงความเห็นเบื้องต้น ไม่ได้แปลว่าคดีจบหรือคดีพลิก ส่วนตัวได้ทำเรื่องขอความเป็นธรรมกับอัยการแล้ว ซึ่งหลายคดีเมื่อเข้าสู่ชั้นศาลก็ถูกยกฟ้อง”

ขณะที่ประเด็นเรื่องภาพลับที่ฝ่ายหญิงถ่ายนั้น จากหลักฐานที่มีพบว่าถ่ายกันทั้งฝ่ายหญิงและอดีตรองนายกฯ ส่งให้กันไปมาอยู่แล้ว

ทั้งนี้ นายษิทรา ยอมรับว่า ลูกความคือ นาย ก. มีความกังวล เพราะกลัวอิทธิพลของอดีตรองนายกฯ รายนี้ เดิมทีไม่อยากให้เป็นข่าว แต่เพื่อป้องกันอิทธิพลของอีกฝ่าย แต่ยืนยันว่าคดีไม่พลิกแน่นอน