เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีเหตุคนจมน้ำเสียชีวิตในสระน้ำประจำหมู่บ้านหนองเก้าข่า ต.เมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ จึงประสานแพทย์เวร รพ.ลำปลายมาศ และหน่วยกู้ภัยสว่างฯ จุดเมืองแฝก ร่วมตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นสระน้ำเนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ ลึกกว่า 4 เมตร พบร่าง ด.ญ.มิว (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 ซึ่งชาวบ้านได้ช่วยกันนำขึ้นมาจากสระน้ำก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะไปถึงแล้ว ตรวจสอบสภาพศพไม่พบร่องรอยหรือบาดแผลการถูกทำร้าย และญาติไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เชื่อว่าน้องคิดสั้นกระโดดน้ำฆ่าตัวตายเอง
โดยชาวบ้านที่พบศพคนแรก เล่าว่า ก่อนจะพบร่าง ผู้ใหญ่บ้านประกาศได้ว่ามีคนหาย ให้ชาวบ้านที่พบเห็นช่วยแจ้งเบาะแส ช่วงเย็นจึงออกมาเดินเลาะหาตามสระน้ำ ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดในหมู่บ้าน ก็เห็นรองเท้าผ้าใบสีขาวเปื้อนโคลนอยู่ริมสระ เมื่อมองลงไปในสระเห็นก็เห็นเสื้อลอยเหนือน้ำ จึงตัดสินใจกระโดดลงสระเพื่อหวังจะลงไปช่วย แต่เมื่อนำขึ้นจากสระพบว่าน้องเสียชีวิตแล้ว จึงรีบแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ
ด้านยายของ ด.ญ.มิว เผยว่า พ่อกับแม่ของหลาน แยกทางกัน เมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา และต่างคนต่างไปมีครอบครัวใหม่ ทิ้งหลานสาวไว้ให้ตากับยายเลี้ยง 2 คน คือน้องมิว และน้องสาว ตั้งแต่เด็กจนถึงชั้น ป.6 หลานเป็นคนร่าเริงปกติเหมือนเด็กทั่วไป แต่ตอนอนุบาลหลานก็เคยมาเล่าให้ฟังว่าถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อว่าพ่อแม่แยกทางกันบ่อยครั้ง ก็คิดว่าเป็นการล้อกันตามประสาเด็ก แต่พอเรียนชั้นมัธยม หลานเริ่มติดโทรศัพท์มือถือ พูดน้อยลง ชอบเก็บตัวอยู่ในห้อง ตนก็คิดว่าอาจจะเป็นช่วงวัยรุ่น
กระทั่งเมื่อปี 2564 หลานเริ่มพยายามจะคิดสั้นฆ่าตัวตายด้วยการกินยาแก้ปวดเกินขนาดประมาณ 30 เม็ด แต่ตนไปเห็นจึงรีบพาหลานส่ง รพ. ซึ่งหมอลงความเห็นว่าหลานป่วยซึมเศร้า จึงให้ยามารับประทาน จากนั้นหลานก็พยายามฆ่าตัวตายอีกหลายครั้ง ทั้งกินยาเกินขนาด พยายามผูกคอตาย และกระโดดน้ำ แต่ตนเองและชาวบ้านที่เห็นช่วยไว้ได้ทัน
วันเกิดเหตุก็เห็นหลานแต่งตัวออกไปโรงเรียนตามปกติ แต่ตอนเย็นถึงเวลาเลิกเรียนแล้วไม่เห็นหลานกลับบ้าน จึงไปถามทางโรงเรียนก็บอกว่าหลานไม่ได้ไปเรียน จึงแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยออกตามหา กระทั่งมีคนไปเจอหลานจมน้ำในสระข้างวัดแล้ว ก็คิดว่าหลานคงคิดสั้นฆ่าตัวตายเองเพราะเคยพยามทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ส่วนสาเหตุก็คิดว่าเกิดจากภาวะซึมเศร้าที่หลานเป็นอยู่ ส่วนเรื่องที่หลานถูกเพื่อนบูลลี่นั้น หลานเคยเล่าให้ฟังตั้งแต่เด็กๆ แต่ตอนเรียนมัธยมยังไม่เคยได้ยินหลานเล่าให้ฟัง เห็นแต่เพื่อนหลานมาบอกว่าหลานโพส์ตระบายว่าถูกเพื่อนบูลลี่
โดยโพสต์ในเฟชบุ๊กว่า “แหะ มาเล่าประสบการณ์จากชีวิตจริงให้ฟังค่ะ ตอนประถมเราโดนล้อเรื่องพ่อแม่เเยกทางกัน โดนรุมทำอนาจาร ทุกวันนี้คนที่ทำยังล้อเราอยู่เลย เขาดูมีความสุขมากที่ทำแบบนั้น เราผิดมากเลยใช่มั้ย วันนั้นเพื่อนเราอยู่ใกล้เราค่อนข้างเยอะ แต่แปลกที่ไม่มีใครช่วยเราเลย เรื่องพ่อแม่แยกทางกัน มันรู้สึกแย่ตรงที่เราโดนเอามาล้อ โพสต์นี้เราอยากระบายมาก” ก็เสียใจที่หลานคิดสั้นแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ติดใจเพราะคิดว่าหลานเป็นคนตัดสินใจเอง