เตรียมเรียก เสี่ยเบนท์ลีย์ มารับทราบข้อหาเพิ่ม

View icon 90
วันที่ 15 ม.ค. 2566 | 16.08 น.
เจาะประเด็นข่าว 7HD
แชร์
เจาะประเด็นข่าว 7HD - ตำรวจเตรียมเรียกเสี่ยคนขับรถเบนท์ลีย์มารับทราบข้อหาเพิ่มอีก 3 ข้อหา หลังจากผลการตรวจเลือดพบสารเสพติดในร่างกาย ส่วนการตรวจสอบรถเบนท์ลีย์ พบว่ามีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย

ความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายสุทัศน์ คนขับรถเบนท์ลีย์ที่ไปเฉี่ยวชนรถ 2 คัน บนทางพิเศษเฉลิมมหานคร เป็นเหตุได้รถยนต์พังเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากผลการตรวจเลือดของโรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันว่าพบเมทแอมเฟตามีน เคตามีน ไดอะซีแพม และนอร์ไออะซีแพม ซึ่งเป็นสารประกอบของยาเสพติดในร่างกายของนายสุทัศน์  

พลตำรวจตรี จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล แถลงว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเรียกตัวผู้ต้องหามาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 3 ข้อหา ได้แก่ เสพวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 หรือ เคตามีน โดยผิดกฎหมาย เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 หรือ เมทแอมเฟตามีน โดยผิดกฎหมาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และขับรถโดยประมาท หรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคล หรือทรัพย์สิน

ทั้งนี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังมีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมี พันตำรวจเอก สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล รองผู้บังคับการตำรวจจราจร เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน และให้พนักงานสอบสวนของสน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ร่วมเป็นพนักงานสอบสวนด้วย ส่วนข้อหาอื่น ๆ อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบ

ก่อนหน้านี้ตำรวจได้แจงข้อหานายสุทัศน์ ไปแล้ว 3 ข้อหา คือขับรถโดยประมาท อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สินของผู้อื่น และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ขับรถในขณะเมาสุรา ขับรถโดยประมาททำให้ได้รับอันตรายแก่กายและทรัพย์สินเสียหาย

ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามนายอิทธิพล ประสงทรัพย์ เจ้าหน้าที่ อปพร.เขตบางรัก คนขับรถดับเพลิงที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เปิดเผยถึงเรื่องการชดใช้เยียวยาว่า นายสุทัศน์ คนขับรถเบนท์ลีย์ ได้เยียวยาทำขวัญโดยจ่ายเงิน จำนวน 800,000 บาท เป็นค่าซื้อรถคันใหม่และค่าทำขวัญด้วย คนละ 25,000 บาท แต่ตนเองได้ตอบปฎิเสธไป เพราะถ้าหากรับเงินค่าทำขวัญ เงินก็จะไม่เพียงพอ ในการนำไปซื้อรถดับเพลิงคันใหม่ โดยรถคันใหม่มีราคาอยู่ราว 800,000 บาท แต่ยังไม่รวมค่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการดับเพลิงอีกไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ดังนั้นเงินที่ให้มาจึงไม่เพียงพอ คงต้องเปิดรับบริจาคเพิ่มเติมเพื่อซื้ออุปกรณ์ ท้้งนี้ยืนยันว่า ตนเองและผู้บังคับบัญชา ไม่ติดใจเอาความแล้ว จากนี้คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการทางกฎหมายต่อไป