วันนี้ (15 ม.ค.66) ตำรวจ สน.ท่าข้าม รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บภายในร้านคาราโอเกะ ย่านท่าข้าม เขตบางขุนเทียน จึงรุดไปตรวจสอบ พบที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 4 ชั้น 1 คูหา บริเวณกลางร้านคาราโอเกะ พบร่าง น.ส.อ้อย อายุ 22 ปี สัญชาติลาว สภาพหมดสติบนโซฟา มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 11 มม.เข้าที่ใต้ราวนมขวา 1 นัด และแขนขวา 1 นัด อาการสาหัส และพบนร่าง น.ส.ลี อายุ 31 ปี สัญชาติลาว นอนร้องครวญครางขอความช่วยเหลือ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันบริเวณน่องซ้าย 2 นัด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน
ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายชัย อายุ 32 ปี ไม่ได้หลบหนีไปไหน ด้วยกลัวความผิดจึงใช้ปืนที่ก่อเหตุ ยิงขมับซ้าย 1 นัด เสียชีวิตอยู่ข้างโซฟา ข้างตัวผู้เสียชีวิตพบปืนใช้ก่อเหตุตกอยู่ และปลอกกระสุนอีก 5 ปลอก ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน้าร้านพบนางดา อายุ 27 ปี ภรรยาของนายชัย ยืนร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ เจ้าหน้าที่ทำการปลอบประโลม ก่อนจะสอบสวนเบื้องต้นจนได้ความว่า อยู่กินกับผู้ตายมาได้ 6 ปี จนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน โดยผู้เสียชีวิตเป็นพนักงานบริษัทย่านมหาชัย และยังเป็นอาสาสมัครกู้ภัยย่านฝั่งธนบุรีด้วย โดยตนมารู้เรื่องที่สามีแอบคบกับสาวคาราโอเกะที่ร้านเกดเหตุได้ประมาณ 4 เดือน โดยพบการคุยกันทางไลน์ ตอนนั้นทะเลาะกันหนักมาก จึงโทรไปหาผู้หญิง บอกให้เลิกยุ่งกับสามี เพราะจะทำให้ครอบครัวตนแตกพัง แต่ดูเหมือนผู้หญิงไม่ยอม แต่สามีตนก็รับปากว่าจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนนี้อีก
นางดา เล่าต่อว่า จากนั้นผู้หญิงคนนี้ก็หายไปราวเดือนเศษ สามีเริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง จึงถามถึงเรื่องเก่า จนสามีบอกว่าถ้าไม่เชื่อใจ วันนี้จะไปคุยให้รู้เรื่องเพื่อความสบายใจของตน ซึ่งตนทราบว่าสามีพกปืนแต่ไม่รู้ว่าวันนี้จะเอามาด้วย ถ้ารู้ตนคงโทรศัพท์บอกให้ผู้หญิงคนนั้นให้หนีไปก่อน เมื่อมาถึงหน้าร้านสามีบอกว่าจะขอเข้าไปในร้านเพียงคนเดียว ให้ตนกับลูกรออยู่ในรถ หลังจากสามีเข้าไปเพียงครู่เดียว ตนรู้สึกไม่สบายใจ ลงจากรถกำลังจะเข้าไปในร้าน ได้ยินเสียงปืนดังออกมาจากร้านหลายนัด พร้อมกับมีพนักงานวิ่งหนีกันออกมา แต่ก็ไม่คิดว่าสามีตนจะเป็นคนก่อเหตุ
ด้านพนักงานต้อนรับภายในร้านคาราโอเกะ ต่างให้การตรงกันว่า แต่ก่อน น.ส.อ้อย เคยทำงานอยู่ที่ร้านนี้ ต่อมาย้ายไปทำร้านอื่น แล้วไปรู้จักผู้เสียชีวิตที่ร้านอื่นได้ประมาณ 4 เดือน ซึ่ง น.ส.อ้อย บ่นว่าอยากจะเลิก แต่ผู้เสียชีวิตไม่ยอมเลิก จนฝ่ายหญิงต้องหนีกลับไปที่ สปป.ลาว ได้ประมาณเดือนเศษ แล้วเพิ่งกลับมาทำงานที่ร้านนี้ได้เพียง 5 วัน ผู้เสียชีวิตก็ขับรถมาเฝ้าสังเกตการณ์ทุกวัน จนวันนี้ น.ส.อ้อย และน.ส.ลี น้าสาว กำลังนั่งกินข้าวกันที่โต๊ะคาราโอเกะ ผู้เสียชีวิตเดินเข้ามาพูดจาหาเรื่อง น.ส.อ้อย ก่อนจะชักปืนที่พกมากระหน่ำยิง น.ส.อ้อย กับ น.ส.ลี จนได้รับบาดเจ็บ และก่อเหตุยิงขมับตัวเองดังกล่าว
อย่างไรก็ตามตำรวจจะได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ สอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ และส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช เพื่อผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง