พ่อ น้ำตาล ชลิตา เปิดใจทั้งน้ำตา ยันไม่เคยทอดทิ้งภรรยากับลูก หลังแม่น้ำตาลให้สัมภาษณ์รายการดัง เหมือนว่าถูกทอดทิ้ง เผย ขณะนั้นทำงานหนัก เพราะทำงานในมูลนิธิ อุทิศเวลาให้สังคม ทำให้บางครั้งไม่มีเวลาให้ครอบครัว อีกทั้ง ต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.ไม่ได้กลับบ้าน ทำให้ภรรยาโกรธจึงหอบลูกหนีตั้งแต่ 2 ขวบ
เมื่อเวลา 18.00 น วันที่ 19 มกราคม 2566 ที่สนามออกกำลังกายหน้าเทศบาลนครนนทบุรี ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยถึงเรื่องราวชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละคร โดยนายนำชัย โกมลอุดมผล หรือชื่อเล่นวุฒิ อายุ 59 ปี อดีตหัวหน้าเขตมูลนิธิร่วมกตัญญูของจังหวัดนนทบุรี ที่รู้จักกันดีในนามเรียกขานรหัส "นคร 58" ซึ่งพี่วุฒิ เผยกับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องราวชีวิตของตนเองที่ถึงแม้ว่าจะทำหน้าที่เพื่อสังคมมาตลอด แต่ชีวิตจริงกับถูกสังคมเข้าใจผิดคิดว่าทอดทิ้งลูกเมียโดยเฉพาะลูกสาวเป็นถึง Miss Thailand Universe ปี 59 และยังเข้าประกวดนางงามจักรวาลติด 1 ใน 5 ของโลก แต่น่าเสียดายไม่ผ่านเข้ารอบหนึ่งในสามของการประกวดในปีนั้น
โดยหลังจากรายการ โทรทัศน์รายการหนึ่งได้นำน้องน้ำตาล หรือ นางสาวชลิตา Miss Thailand Universe และยังเป็นดาราที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มาออกในรายการโดยคุณแม่ของน้องน้ำตาลให้สัมภาษณ์พิธีกรในรายการเหมือนว่าลุงวุฒิ ทอดทิ้งภรรยาและน้องน้ำตาล โดยไม่เหลียวแล ทำให้ลุงวุฒิถึงกับเสียใจและคิดมากทั้งๆที่เรื่องดังกล่าวไม่เป็นจริงอย่างที่แม่ของ น้องน้ำตาลให้สัมภาษณ์เลย
ลุงวุฒิ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ขณะที่ตนทำงานเป็นหัวหน้าเขตมูลนิธิร่วมกตัญญู รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนนทบุรีนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลไม่ได้กลับบ้าน ทั้งเวลาทำงานเข้าเวรมูลนิธิจนดึกดื่นทุกครั้งก็ต้องอุทิศเวลาให้กับงานและสังคมทำให้บางครั้งอาจไม่มีเวลาให้ครอบครัวเพียงพอทำให้ภรรยา คือ นางสาวศิวพร หรือกิ๊บ น้อยใจและโกรธเคืองตนจึงอุ้มลูกสาว คือ น้องน้ำตาล ในตอนนั้นมีอายุเพียง 2 ขวบ หนีจากตนไปทั้งๆที่เราอยู่กินกันมา 4 ปี ตนมีลูกชายอีก 1 คนเป็นพี่ชายต่างมารดาของน้องน้ำตาลปัจจุบันอายุ 32 ปีทำงานเป็นพนักงานขับรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
พอตนทราบเรื่องว่าภรรยาอุ้ม น้องน้ำตาล หนีจากตนเองไปตนก็ได้ออกตามหาภรรยาและลูกสาวมาตลอด แต่ภรรยาก็พยายามหนี และหลบหน้าไม่พบตนพร้อมบอกเพื่อนๆคนสนิทว่าถ้าเจอตนให้บอกว่าเขากับลูกไปอยู่ต่างประเทศแล้ว ไม่ต้องตามหา ซึ่งตนทราบมาว่าไม่ใช่เรื่องจริง ส่วนเรื่องที่ภรรยาให้ข่าวบอกว่า ตนทอดทิ้งเขาและน้องน้ำตาลนั้น ตนอยากจะชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องจริงเลย ตลอดเวลาตนพยายามตามหาเขาและลูกสาวเพื่อที่จะอธิบายและชี้แจงความจริงให้ทราบแต่เขาก็ไม่ยอมเจอหน้าตนเอง
ตนทราบว่าน้องน้ำตาลได้ตำแหน่ง Miss Universe Thailand และไปประกวดเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายของนางงามเวทีระดับโลก ตนก็ไม่เคยคิดที่จะเกาะกระแส หรือ อาศัยความดังของลูกสาว เพื่อที่จะมาเปิดเผยตัวตนของความเป็นพ่อ แต่อย่างใดไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาถึง 4-5 ปี แล้วค่อยออกมาเปิดเผยเรื่องราวในวันนี้ แต่ที่ต้องออกมาชี้แจงก็เพราะว่า ตนเองนั้นก็มีอายุมากแล้ว อีกทั้งภรรยาก็ไปให้ข่าวที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง จึงอยากให้สังคมเข้าใจไม่ใช่ว่าตนเองไม่อยากเจอหน้าลูกสาว ทุกคืนทุกวันตนก็คิดถึงแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร มีอยู่ครั้งหนึ่งเคยติดต่อไปทางโทรศัพท์ เป็นผู้จัดการของน้องน้ำตาลรับสาย เขาก็บอกกับตนว่า แม่ของเขาไม่ต้องการให้ลูกสาวคุยกับตนแล้วจะให้ตนทำอย่างไร ในเมื่อตนเป็นพ่อแท้ๆถ้าทำอะไรไปมากกว่านี้ก็เกรงว่าจะทำให้ลูกสาวเสียชื่อเสียง แต่เมื่อมีข่าวออกมาแบบนี้ในรายการชื่อดังรายการหนึ่ง ตนผู้เป็นพ่อก็รู้สึกว่าข้อเท็จจริงมันไม่ถูกต้อง จึงต้องออกมาชี้แจงเรื่องราวในอดีตให้ได้รับทราบ
หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จ ลุงวุฒิหรือนายนำชัยได้ เปิดรูปถ่ายของน้องน้ำตาล ขณะอายุ 2 ขวบ ยืนถ่ายคู่กับพี่ชายต่างมารดาให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมหยิบใบสูติบัตรของน้องน้ำตาล ซึ่งระบุว่าชื่อเด็กหญิงน้ำตาล โกมลอุดมผล เกิดเวลา 22.54 วันที่ 24 ธันวาคม 37 สถานที่เกิด รพ.บําราศนราดูร โดยระบุชื่อบิดาคือนายนำชัย โกมลอุดมผล มารดาคือ นางสาวศิวพร "ตนยืนยันว่าตนรักภรรยาและลูกสาวมาก แม้แต่ทุกวันนี้ตนก็ไม่เคยมีภรรยาใหม่ เลี้ยงดูลูกชายซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดาของน้องน้ำตาลจนเติบใหญ่ ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่งดูแลตนเองได้ ช่วงที่ภรรยาตนเป็นกัปตันอยู่ห้องอาหารย่านสุขุมวิท ตนทำงานเข้าเวรมูลนิธิอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี ก็ไปรับไปส่งภรรยาเป็นประจำไม่เคยขาดหากไม่ติดเข้าเวร ไม่ได้ทอดทิ้งภรรยาหรือน้องน้ำตาลตามที่เขาเข้าใจและออกมาให้ข่าวแบบนั้นเลย"