เช้านี้ที่หมอชิต - คืบหน้ากรณีคลิปดังในโซเชียล ตำรวจไทยขับรถนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า มั่นใจเรื่องดังกล่าวไม่กระทบการท่องเที่ยว ประเทศไทยไม่กระจอกจนต้องใช้วิธีนี้เรียกทัวร์ ด้านชาวเน็ตจีนขุดหลักฐานยืนยันเพจดรามาแอดติก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า การจ้างตำรวจนำขบวนตามกฎหมายไม่สามารถทำได้ แต่อาจมีการไปซิกแซก หาช่องทางทำนอกเหนือจากนั้น ซึ่งต้นสังกัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเข้าไปตรวจสอบ หากทำผิดมีบทลงโทษอยู่แล้ว แต่ขอยืนยันว่า ในเรื่องการท่องเที่ยวหากมีการไปโฆษณาประชาสัมพันธ์ ว่ามีสิทธิพิเศษใช้รถตำรวจนำได้ เมื่อพบว่ามีการทำความผิดก็จะมีรถนำไปโรงพัก หรือ นำไปศาล และยังมีท่อนใจความสำคัญที่รองนายกฯ ได้พูดไว้ว่าอย่างไร
ส่วนทางด้านชาวเน็ตเมื่อได้ยินคำตอบของรองนายกฯ ที่ออกมาปฎิเสธ ก็ได้ขุดหลักฐานมายืนยัน ว่าบริการดังกล่าวนั้นมีจริง และมีมานานแล้วก่อนหน้าที่จะเป็นข่าวด้วย โดยเฉพาะชาวเน็ตจีนที่ต่างก็งัดหลักฐานส่งมาให้เพจดราม่าแอดติดกันอย่างล้นหลาม ไม่รู้ว่างานนี้ท่านรองนายกฯ จะว่าอย่างไรบ้างกับหลักฐานของชาวเน็ตจีนที่เอามาโชว์
ด้าน พลตำรวจตรี อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาได้ตรวจสอบคลิปตำรวจไทยขับรถนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน พบดาบตำรวจท่องเที่ยวเพิ่มอีกหนึ่ง รวมเป็น 2 นาย ซึ่งทำหน้าที่ประสานงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่รู้จักกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทย โดยกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว
ส่วนกรณีตำรวจ 2 นาย สังกัดกองบังคับการจราจร กองบัญชาการตำรวจนครบาล เตรียมแจ้ง 2 ข้อกล่าวหาเรื่อง พ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.เครื่องหมายราชการในเรื่องการนำไซเรนและเครื่องหมายราชการมาติดที่รถ ซึ่งตำรวจภูธรภาค 1 จะดำเนินการในส่วนที่เป็นพยานหลักฐานในคลิปนั้น ขณะที่จเรตำรวจเตรียมสรุปเบื้องต้น เพื่อตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อลงโทษทางวินัยและทางอาญาได้ต่อไป
ส่วนประเด็นคำบรรยายไทยในคลิป อาจต้องเชิญนักท่องเที่ยวสาวชาวจีนมาให้ถ้อยคำ เพราะยังอยู่ในประเทศไทย เพื่อสอบประเด็นให้ครบทุกมิติ ทั้งนี้ยืนยันการนำขบวนเพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวไม่สามารถทำได้ ภายใต้ระเบียบมติ ครม. กันยายน 2544 ซึ่งเป็นไปด้วยเหตุผลหลักคือเพื่อความปลอดภัยของขบวน และเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่บนถนนเป็นหลัก
นอกจากนี้ทาง บช.น. โดยกองบังคับการตำรวจจราจรและกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนผู้บังคับบัญชาที่ควบคุมกำกับดูแลเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นายไว้ด้วย ซึ่งจะมีคำสั่งซ้อนมาอีกหนึ่งคำสั่ง เพื่อพิจารณาว่ามีการปล่อยปละละเลย หรือ รับทราบเรื่องของการปฎิบัติเจ้าหน้าที่ในส่วนของผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองอย่างไรหรือไม่