แชร์ยูฟันโกงหมื่นล้าน เจอรวบเพิ่มอีก 1 คน เจ้าตัวยังปฏิเสธ เร่งติดตามจับกุมคนที่ยังหลบหนี
เล่นแชร์ลูกโซ่ยูฟัน ยังโดนจับเพิ่มอีก วานนี้(23 ม.ค.2566) เมื่อเวลาประมาณ 11.10 น. พ.ต.ต.กรพงศ์ วงษาลังการ สว.กก.2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 1 กก.2 บก.ป. ร่วมกันจับกุม น.ส.ฉัฎฐา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 23 มิ.ย.2558 ซึ่งถูกกล่าวหาว่า "ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกระทำความผิดการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ" ตาม พ.ร.บ.การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนฯ มาตรา 4, 5, 12, 15, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯ มาตรา 5, 6, 25 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343, 83 โดยจับกุมได้บริเวณอาคารแห่งหนึ่ง ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
สืบเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ.2558 มีบริษัทแห่งหนึ่งชักชวนประชาชนให้เข้าร่วมเครือข่าย การประกอบธุรกิจน้ำผลไม้และสมุนไพร และเครื่องสําอางผิวหน้า โดยทําให้หลงเชื่อว่าหากสามารถหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายเพิ่มได้ จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทน แต่ภายหลังกลับหลอกลวงขายหน่วยลงทุนทางอิเล็กทรอนิกส์ จําหน่ายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ หรือที่เรียกว่า U-TOKEN อ้างว่าได้รับความนิยม และได้รับความยอมรับในต่างประเทศ ซึ่งเครือข่ายนี้จะโฆษณาชักชวนให้ประชาชนนําเงินมาลงทุนในจํานวนที่สูง โดยโฆษณาชักชวนผ่านอินเทอร์เน็ตมีการลงทุน 2 แบบ คือ แบบที่ 1 เน้นซื้อ U-TOKEN (สกุลเงินสมมติ ที่ไม่มีอยู่จริง) และแบบที่ 2 เน้นซื้อสินค้า แต่ภายหลังกลับพบว่า แม่ทีมหรือแกนนําที่ชักชวนไม่ได้กล่าวถึงสินค้าตามที่บริษัทฯ แจ้งจดทะเบียนขายตรงไว้ แต่กลับมุ่งเน้นขายสินค้าเพื่อให้เกิดรายได้จากยอดขายสินค้า อีกทั้งการบรรยายแต่ละครั้ง จะมุ่งเน้นเฉพาะแผนการพัฒนาการตลาดแบบขยายทีม หรือการหาสมาชิกเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น และยังอ้างถึงผลตอบแทนที่สูงเป็นรถยนต์ หรือทองคําแท่ง ซึ่งเมื่อมีการหาสมาชิกรายใหม่เพิ่มเข้ามาได้ ผลตอบแทนที่บริษัทนํามาจ่ายให้แก่สมาชิก ก็คือเงินของสมาชิกรายใหม่ที่นํามาจ่ายหมุนเวียนให้กับ สมาชิกรายเก่านั้นเอง ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ซึ่งเครือข่ายแชร์ลูกโซ่นี้พบว่ามีผู้ต้องหาร่วมกระทําผิดทั้งสิ้น 164 คน และศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว โดยที่ผ่านมา ตํารวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาซึ่งทําหน้าที่เป็นแม่ข่ายและสมาชิกได้บางส่วน
ต่อมาตำรวจกองปราบปราบ สืบสวนทราบว่า น.ส.ฉัฎฐา หนึ่งในผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ยังหลบหนีอยู่ จึงรายงานผู้บังคับบัญชา และสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบกระทั่งสามารถจับกุมตัว นางสาวฉัฎฐาฯ ได้บริเวณอาคารแห่งหนึ่ง ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยสอบปากคำ เบื้องต้น เจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ จึงนำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน บก.ปคบ. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
