จากกรณีของเน็ตไอดอลสาวเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยและกล่าวหาว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกรับเงินจำนวน 27,000 บาทบริเวณด่านตรวจถนนรัชดาภิเษกหน้าสถานทูตจีน ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อคลี่คลายเรื่องดังกล่าว
ล่าสุด (29 ม.ค. 66) กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งเลขประชุมชุดสืบสวนสอบสวนในเรื่องดังกล่าว ทั้งจาก สน.ห้วยขวาง และกองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อนำข้อมูลต่างๆ ที่ได้มาตรวจสอบเทียบเคียงกัน ก่อนจะสรุปข้อมูลเพื่อใช้ในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยก่อนเข้าร่วมประชุม ว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการมายังศูนย์สืบสวนตำรวจนครบาลเข้ามาร่วมคลี่คลายคดี หลังคดีดังกล่าวผ่านไปแล้วกว่า 25 วัน แต่ยังไม่มีความชัดเจน โดยสิ่งแรกที่จะต้องทำในวันพรุ่งนี้ (30 ม.ค. 66) คือการประสานไปยังตำรวจกองการต่างประเทศ สำนักงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อที่จะติดต่อประสานไปยัง นางสาวอันหยู่ชิง ดาราสาวชาวไต้หวัน พร้อมเพื่อนรวม 4 คน เพื่อให้ปากคำอย่างเป็นทางการ และให้ชี้ชัดไปเลยว่า ในวันเหตุ ตำรวจนายใดเป็นผู้เรียกรับผลประโยชน์ หากไม่สะดวก จะมีการส่งตำรวจไทยไปบันทึกคำให้การถึงที่ เพื่อให้ได้ข้อมูลชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องของการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เบื้องต้นจากกล้องที่ตำรวจได้มามีเพียงภาพวงจรปิดระยะไกลซึ่งไม่สามารถชี้ชัดถึงตัวบุคคล หรือ เหตุการณ์ขณะเกิดเหตุได้อย่างชัดเจน ว่า ตำรวจมีการรีดไถเงินจริง หรือไม่
ส่วนเพื่อนชายทั้ง 3 คน ที่ เดินทางมาด้วยในวันเกิดเหตุขณะนี้ยังไม่ทราบว่า ทั้งหมดเป็นใคร หรือยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งก็อยากจะประชาสัมพันธ์ไปยังทั้ง 3 คน ให้ช่วยมาให้ปากคำกับตำรวจด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบ เบื้องต้น เชื่อว่าชาย 1 ใน 3 คนที่เดินทางมากับสาวชาวไต้หวันนั้น น่าจะเป็นไกด์นำเที่ยว
เมื่อสอบถามถึงประเด็นของบุหรี่ไฟฟ้า ว่า ดาราสาวไต้หวัน ที่ถูกตำรวจเรียกตรวจในวันเกิดเหตุ เป็นความผิดจริงหรือไม่ ทำไมตำรวจถึงต้องตรวจ ซึ่งฝั่งดาราสาวไต้หวัน อ้างว่า ตำรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า และรีดไถ่เงิน จำนวน 27,000 บ. พล.ต.ต.ธีรเดช ไม่ได้ตอบประเด็นนี้
ซึ่งการประชุมวันนี้ พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เป็นประธานในการประชุม เผยความคืบหน้าคดีสั้น ๆ ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลจากหลายหน่วย ซึ่งได้สั่งการให้ไปหาข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุด ก่อนจะนำมารวบรวม และดูว่าข้อมูลที่ได้มามีความสัมพันธ์กันอย่างไร เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่ากรณีดังกล่าวตำรวจมีข้อมูลพอที่จะตอบคำถามกับประชาชนที่ข้องใจสงสัยในเรื่องนี้ได้หรือไม่ ผู้บัญชาการตอบเพียงว่าข้อมูลขณะนี้มีเป็นจำนวนมากจากหลายหน่วยงานที่สามารถรวบรวมมาได้ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเทียบเคียงว่าข้อมูลใดเป็นข้อมูลจริงและจะพิจารณาการดำเนินการต่อไปเชื่อว่าจะสามารถตอบคำถามประชาชนเท่าที่สามารถตอบได้ และเมื่อสอบถามว่าหากสามารถรวบรวมข้อมูลต่างๆ มาได้อย่างครบถ้วนแล้วและสามารถไขข้อข้องใจได้แต่ประชาชนยังไม่เชื่อจะทำอย่างไร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลก็เชิญสื่อมวลชนออกจากห้องประชุมทันที
