หนุ่มคลั่งรัก ตามหาอดีตแฟนไม่พบ บุกต่อยหน้าคนอื่น จ.เชียงใหม่

View icon 54
วันที่ 30 ม.ค. 2566 | 07.06 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - เปิดภาพวงจรปิด หนุ่มคลั่งรักแอบอ้างเป็นหลานตำรวจ บุกเข้ามาในร้านนวดแผนไทย ก่อนชักปืนข่มขู่พนักงานร้าน สาเหตุมาจากหาแฟนสาวไม่เจอ แถมก่อนหน้าเคยก่อเหตุปาหินใส่ร้านมาแล้ว

นี่เป็นภาพวงจรปิดของร้านนวดแผนไทยแห่งหนึ่ง ในตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จับภาพขณะที่ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน ก่อนจะชักอาวุธปืนออกมาจ่อพนักงานของร้าน แล้วพูดว่า "เอาไหม" แต่พนักงานนวดสติดี ตอบกลับไปว่ามีตำรวจอยู่หลังร้านนะ จากนั้นชายคนดังกล่าวก็เดินออกไป ก่อนจะพูดทิ้งท้ายไว้ว่า "พี่ก็หลานตำรวจนะ"

ดูเหมือนเหตุการณ์จะจบลง แต่ชายคนดังกล่าวเดินออกไปได้ไม่ถึงนาที ก็ย้อนกลับมารัวหมัดใส่พนักงานชายที่อยู่ร้านนวดแผนไทย จากนั้นจึงหลบหนีไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกลางดึก คืนวันที่ 28 มกราคม ต่อมาทราบว่า ผู้บาดเจ็บ คือ ชายอายุ 29 ปี

ล่าสุด วันนี้ (29 ม.ค.) เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า ยังคงอยู่ในความหวาดกลัว โดยเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดเป็นครั้งแรก แต่ชายคนนี้เคยบุกเข้ามาข่มขู่และใช้ก้อนหินปากระจกร้านจนแตกเสียหายมาแล้วเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งทางร้านได้แจ้งความตำรวจไว้แล้ว แต่ยังไม่ทันจับตัวได้ก็ย้อนกลับมาก่อเหตุอีกครั้ง โดยเธอเองทราบว่า ผู้ก่อเหตุ คือ ชายอายุ 30 ปี สาเหตุที่มาป่วนร้านเพราะมาตามหาอดีตแฟนสาว ซึ่งเป็นพนักงานของที่ร้าน ทั้งคู่เลิกรากันไปหลายเดือนแล้ว แม้อดีตแฟนของผู้ก่อเหตุจะขอยุติความสัมพันธ์ แต่ชายอายุ 30 ปี ไม่ยอมหยุด ตามมารังควานไม่หยุด อีกทั้งยังเคยถ่ายภาพอาวุธปืนส่งมาข่มขู่อดีตแฟนและเพื่อน ๆ อีกด้วย เมื่อวันที่ 20 มกราคม ผู้ก่อเหตุก็เดินมาถามหาอดีตแฟน แต่พนักงานในร้านตอบไปว่าไม่อยู่ ทำให้ผู้ก่อเหตุโมโห คว้าก้อนหินปาใส่กระจกจนแตกเสียหาย จนมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 28 มกราคม โดยเชื่อว่าที่ผู้ก่อเหตุลงมือทำร้ายร่างกายชายอายุ 29 ปี เพราะเชื่อว่าเป็นแฟนใหม่ของอดีตแฟน

เจ้าของร้านยังบอกต่ออีกว่า อยากให้ตำรวจตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีในเร็ววัน เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยกับพนักงานที่ร้านและคนอื่น ๆ ในพื้นที่ด้วย

ขณะที่ อดีตแฟนของชายอายุ 30 ปี เปิดเผยว่า เธอคบกับผู้ก่อเหตุมาประมาณ 4 ปี โดยผู้ก่อเหตุทำงานไม่เป็นหลักแหล่ง มีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด ช่วงระหว่างคบกันเคยเอาปืนมาให้ดูและขู่ประจำว่า ถ้าเลิกกับเขามีทางเดียวคือจะต้องตาย และที่ผ่านมาก็มักจะมาขอเงินเธอช่วงที่ทำงานที่ร้านหลายครั้ง พฤติกรรมดังกล่าวทำให้เธอหวาดกลัว เครียดสะสมจนมีอาการซึมเศร้า ก่อนตัดสินใจขอแยกทาง โดยผู้ก่อเหตุได้ขอเงิน 5,000 บาท เธอจึงบอกว่าให้ได้แต่ต้องแลกกับการไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอม จากนั้นเธอจึงพยายามหลบหน้า ทำให้ผู้ก่อเหตุมาตามหาที่ร้านหลายครั้ง และก่อเหตุดังกล่าว

ด้าน ตำรวจเปิดเผยว่า คดีนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจ อยู่ระหว่างการสืบสวนตามจับกุม