ดาราสาวไต้หวัน ให้รอฟังประกาศ งัดหลักฐานโต้ตำรวจ

View icon 299
วันที่ 30 ม.ค. 2566 | 06.10 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - น่าจะใกล้ถึงบทสรุปเต็มทีแล้ว สำหรับกรณีที่มีการกล่าวหาตำรวจไทย จากนักแสดงสาวชาวไต้หวันที่ออกมาระบุว่า มีการเรียกรับเงิน 27,000 บาท โดยผู้ที่ออกมาฟันธงเรื่องนี้คนล่าสุดก็คือ คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์  

โพสต์ของ คุณชูวิทย์ เมื่อตอน 01.00 น. ที่ผ่านมา ระบุว่า เมื่อเย็นนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลให้โฆษกฯ แถลงข่าวยืนยันว่า ตรวจสอบแล้ว ไม่มีตำรวจห้วยขวางเรียกรับผลประโยชน์

แต่ปรากฏว่า มีผู้หญิงคนไทย แฟนเป็นคนสิงคโปร์ ที่ไปร่วมวงสังสรรค์กินเหล้ากับดาราสาวไต้หวัน ให้การยืนยันว่า ได้เป็นผู้จ่ายเงินจำนวน 27,000 บาท ให้กับตำรวจที่ตั้งด่านด้วยตัวเอง และมีคลิปยืนยันด้วย โดยดาราสาวไต้หวัน ให้รอ เพราะเห็นว่า การแถลงข่าวเมื่อเย็นของนครบาลยังปากแข็ง ไม่ยอมรับ ทำให้ตำรวจห้วยขวางชุดที่ตั้งด่าน เพิ่งรับสารภาพสด ๆ ร้อน ๆ ว่า รีดเงิน 27,000 บาท จริง

คุณชูวิทย์ ยังตอกย้ำลงไปอีกว่า ก่อนหน้านี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ได้ให้ลูกน้อง พลตำรวจตรี อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 และ พันตำรวจเอก ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง ไปวางแผนทำขายขี้หน้าหลายเรื่อง

1. ลบคลิปที่ด่านหน้าสถานทูตจีน

2. ลบคลิปกล้องบนหมวกของตำรวจที่ด่าน

3. กล่อมให้คนขับแกร็บยืนยันว่าดาราสาวไต้หวันเมามาก พูดไม่รู้เรื่อง อยู่ที่ด่านแค่ 40 นาที แล้วอ้างว่ากล้องหน้ารถบันทึกได้แค่ 20 วัน จึงไม่มีภาพ

4. ปล่อยคลิปสารพัดเพื่อดิสเครดิตดาราสาวไต้หวัน

5. ตอบโต้ แก้ตัวแทนลูกน้องตัวเอง โยนไปว่าสาวไต้หวันแต่งเรื่อง

แต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เห็นท่าไม่ดี สั่งการให้ พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้การฯ ศูนย์สืบสวนนครบาล รีบบินด่วนเพื่อไปสอบปากคำจากดาราสาวไต้หวัน พร้อมกันกับที่สาวไทยที่ไปเที่ยวด้วยกัน มาให้ข้อมูลว่าเป็นคนจ่ายเงิน 27,000 บาท ด้วยตัวเอง

ทีมกองบัญชาการตำรวจนครบาลจึงชิงกลับลำ ให้ตำรวจห้วยขวางสารภาพเสียดีกว่า ระเบิดจึงลงที่นครบาลอีกครั้ง พังไม่เป็นท่า และวันจันทร์ คงแบกหน้าสารภาพผิด

คุณชูวิทย์ ได้โพสต์ยาวกว่านี้ สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่เพจของ คุณชูวิทย์ แต่โดยสรุปก็คือ คุณชูวิทย์ อ้างว่า ขณะนี้มีทั้งพยานและหลักฐานเป็นคลิปที่ยืนยันการรีดไถจริง และเชื่อว่า จะมีการแถลงจากกองบัญชาการตำรวนครบาลในวันนี้ ดังนั้น เราต้องมาจับตาดูกันว่า สิ่งที่ คุณชูวิทย์ ตั้งประเด็นไว้ จะเกิดขึ้นจริงตามนั้นหรือไม่ 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ คุณชูวิทย์ นำมาเปิดเผยก็ตรงกับสิ่งที่นักแสดงสาวชาวไต้หวันยืนยันมาตลอดกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ ตามที่โพสต์ไว้ในอินสตาแกรมช่วงท้าย "มันมืดและบิดเบี้ยวขึ้น ขอบคุณสื่อหลักและความสนใจของทุกคน ฉันมีกำหนดเลาสำหรับการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายแล้ว และเป็นครั้งสุดท้ายที่จะอธิบายมัน โปรดขอเวลาและพื้นที่ฉันสักพัก"

และเธอก็โพสต์ทิ้งท้ายไว้ตั้งแต่คืนวันเสาร์ว่า ANNOUNCEMENT ให้รอฟังคำอธิบายสุดท้าย แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวมาจนขณะนี้

สำหรับในฝั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากสังเกตให้ดีก็มีความเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกับ คุณชูวิทย์ อยู่ โดยเวลาประมาณ 15.00 น. พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ได้เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีนี้ ซึ่งก่อนเข้าร่วมประชุม พลตำรวจตรี ธีรเดช เปิดเผยว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการมายังศูนย์สืบสวนตำรวจนครบาลเข้ามาร่วมคลี่คลายคดี หลังคดีดังกล่าวผ่านไปแล้ว กว่า 25 วัน แต่ยังไม่มีความชัดเจน

โดยสิ่งแรกที่จะต้องทำในวันที่ 30 มกราคม คือการประสานไปยังตำรวจกองการต่างประเทศ สำนักงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อที่จะติดต่อประสานไปยัง คุณอันยู่ชิง ดาราสาวชาวไต้หวัน พร้อมเพื่อนรวม 4 คน เพื่อให้ปากคำอย่างเป็นทางการ และให้ชี้ชัดไปเลยว่า ในวันเกิดเหตุ ตำรวจนายใดเป็นผู้เรียกรับผลประโยชน์ หากไม่สะดวกจะส่งตำรวจไทยไปบันทึกคำให้การถึงที่ เพื่อให้ได้ข้อมูลชัดเจนมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีความคืบหน้าจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ที่ตั้งโดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้สรุปผลการสอบสวนเบื้องต้นออกมา 3 ประเด็น 

1. การตั้งด่านตรวจ เป็นการตั้งด่านโดยถูกต้องตามระเบียบขั้นตอนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่

2. ตำรวจชุดนี้อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เนื่องจากไม่พบบุหรี่ไฟฟ้า ทั้ง ๆ ที่จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของสาวไต้หวันเชื่อได้ว่า ขณะหญิงสาวคนนี้ ถูกเรียกตรวจ ยังคงครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ แต่กลับไม่มีรายงานการตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า หรือดำเนินคดีกับหญิงสาว

3. การเรียกรับเงิน 27,000 บาท ยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน แม้พฤติการณ์ขณะอยู่ในด่านตรวจ จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดหลาย ๆ จุด จะไม่ตรงกับคำกล่าวอ้างของฝ่ายหญิงสาวชาวไต้หวัน 100% แต่พยานหลักฐานก็ไม่ชัดเจน และมีการใช้เวลาในด่านนานผิดปกติ คณะกรรมการสอบสวน จึงเห็นว่าจะประสานให้ฝ่ายหญิงสาวชาวไต้หวัน แจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณด่านตรวจ และให้ไปพิสูจน์หลักฐานกันเองในชั้นศาล หากฝ่ายเจ้าหน้าที่เห็นว่า หญิงสาวชาวไต้หวันกล่าวหาด้วยข้อมูลเท็จ ทางตำรวจก็สามารถฟ้องกลับได้