ลำดับไทม์ไลน์ ตำรวจสอบกรณีสาวไต้หวัน ชูวิทย์แฉ! ตำรวจเรียกรับเงินจริง

View icon 59
วันที่ 30 ม.ค. 2566 | 11.21 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - กรณีดาราสาวไต้หวัน ไม่จบง่าย ๆ แม้ว่าจะมีพยานหลักฐาน คลิปวงจรปิดมุมต่าง ๆ เผยออกมา ตอบโต้ประเด็นของดาราสาวไต้หวัน เช่น เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า, ระยะเวลาที่อยู่ที่ด่าน แต่คนที่ทำให้เรื่องนี้เหมือนจะพลิกกลับไปอีกด้าน ก็คือ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่เมื่อคืนนี้โพสต์บอกว่า ตำรวจมีการเรียกรับเงินจริง

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เรื่องนี้ลงเฟซบุ๊กตัวเองตอนเกือบ ๆ ตี 1 ใช้คำว่า "ด่วนที่สุด! ตำรวจรีดเงินดาราสาวไต้หวันจริง" ก่อนจะเริ่มอธิบายว่า คนที่จ่ายเงินให้ตำรวจ คือ หญิงคนไทย ที่เป็นแฟนของคนสิงค์โปร์ ที่ไปร่วมวงสังสรรค์กับดาราสาวไต้หวัน ยอมรับว่าจ่ายเงินก้อนนี้จริง และมีคลิปยืนยันด้วย และตำรวจชุดที่ตั้งด่านก็ยอมรับสด ๆ ร้อน ๆ ว่ารีดเงิน 27,000 บาท จริง

พร้อมกับบอกด้วยว่า ก่อนหน้านี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งให้ลูกน้องลบคลิปที่ด่านหน้าสถานทูตจีน และกล้องบนหมวกของตำรวจที่ด่าน, ชักจูงพยานคนขับรถให้การบิดเบือนข้อเท็จจริง ทั้งเรื่องที่บอกว่าดาราสาวเมามาก และอยู่ที่ด่านแค่ 40 นาที รวมถึงกล้องหน้ารถที่บันทึกเหตการณ์ได้แค่ 20 วัน จึงไม่มีภาพ, ปล่อยคลิปสารภาพเพื่อดิสเครดิต รวมถึงพยายามแถลงเพื่อแก้ต่าง แล้วโยนความผิดว่าดาราสาวไต้หวันแต่งเรื่อง ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็เหมือนจะระแคะระคาย จึงสั่งให้ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พาหญิงไทยคนที่ว่าไปสอบปากคำดาราสาวไต้หวันถึงต่างประเทศ เพื่อหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้

เรามาย้อนดูผลการสืบสวนของตำรวจเกี่ยวกับเรื่องนี้กัน ว่าตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ได้อะไรและเปิดเผยอะไรมาแล้วบ้าง เริ่มจากเมื่อวันที่ 27 มกราคม ที่มีการเรียกสอบตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในการตั้งด่าน ได้ข้อสรุปว่า มีการตั้งด่านคืนวันที่ 4 มกราคม และพบดาราสาวกับเพื่อนจริง, ดาราสาวแสดงแค่วีซา ไม่ได้พกหนังสือเดินทางติดตัว ตำรวจไม่ได้รื้อกระเป๋า, มีน้ำเสียงหงุดหงิดจริง เพราะอีกฝ่ายเมา และสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง, พบดาราสาวถือบุหรี่ไฟฟ้า ใช้การว่ากล่าวตักเตือน ไม่ได้ดำเนินคดี และยืนยันว่าไม่ได้รับเงิน 27,000 บาท

จากนั้นวันที่ 28 และ 29 มกราคม ในเพจเฟซบุ๊กทั้งของสำนักข่าวหลัก และสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ก็เริ่มมีการเปิดเผยภาพวงจรปิด, ภาพนิ่ง หลักฐานต่าง ๆ ออกมา เช่น ภาพดาราสาวไต้หวันสูบบุหรี่ไฟฟ้า บริเวณทางเดินสระว่ายน้ำ และถืออยู่ในมือขณะกำลังเดินไปที่ลิฟต์โดยสาร, ภาพดาราสาวขณะเดินอยู่บริเวณตลาดห้วยขวาง พร้อมกับเพื่อนชายอีก 2 คน, ภาพวงจรปิดหน้าสถานทูตจีน และภาพที่น่าจะเป็นการถ่ายตอนอยู่ที่ด่าน ขณะพบดาราสาวถือบุหรี่ไฟฟ้า

และในวันที่ 29 มกราคม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก็มีการเรียกตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้มาประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้า ก่อนที่ในช่วงเย็นจะให้ พลตำรวจตรี จิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล แถลงชี้แจง โดยสรุปคือ ตำรวจมีการเรียกสอบปากคำพยานเกิน 10 ปากแล้ว พยานยืนยันรับผู้โดยสารแค่ 4 คน ผ่านมาที่ด่าน ยังไม่พบหลักฐานการเรียกเงินที่ว่า ส่วนเพื่อนชายดาราสาวพบว่าเดินทางออกนอกประเทศไปตั้งแต่วันที่ 5 และ 9 มกราคมที่ผ่านมา, ส่วนหลักฐานกล้องวงจรปิดที่เปิดดูไม่ได้ เช่น กล้องหน้ารถแกร็บคาร์ และกล้องติดตัวตำรวจ ได้ส่งกองพิสูจน์หลักฐานกู้ภาพแล้ว, มีการสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ พร้อมกับประสานตำรวจ INTERPOL ให้ตำรวจไต้หวัน สอบปากคำดาราสาว ส่วนเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ไม่มีใครยัดเยียดให้ และตามกฎหมาย ตำรวจสามารถดำเนินคดีได้

ส่วนที่ นายชูวิทย์ โพสต์ข้อความออกมาแบบนั้น ทีมข่าวได้สอบถามเรื่องนี้กับ พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งก็เปิดเผยว่า ตำรวจเองก็ต้องการพยานที่เป็นหญิงรายนี้มาสอบสวน หากนายชูวิทย์ สามารถพามาได้ ก็พร้อมจะดูแลเป็นอย่างดี และพร้อมจะเอาผิดทั้งทางวินัยและอาญากับตำรวจที่กระทำผิด ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นกำลังพิจารณาว่าจะดำเนินคดีกับตำรวจที่ตั้งด่านในวันนั้น ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่