ผบ.ตร. สั่งย้าย ผกก. สน.ห้วยขวาง เซ่นปมเงินดาราไต้หวัน

View icon 57
วันที่ 30 ม.ค. 2566 | 16.23 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ตามกันต่อกับความคืบหน้ากรณีของดาราสาวไต้หวันที่อ้างว่า ตำรวจไทยรีดเงินเธอไป เรื่องนี้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่สั่นสะเทือนวงการสีกากีไทย ล่าสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งย้ายด่วน ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง แล้ว ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็ออกมาแฉข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในวันเกิดเหตุมีสาวไทยที่อยู่ร่วมในกลุ่มของดาราสาวไต้หวัน เป็นผู้ที่จ่ายเงินให้ตำรวจ จำนวน 27,000 บาทจริง

เรามาไล่เรียงกันช้า ๆ เพราะข้อมูลต่างมีออกมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมระบุข้อความว่า ด่วนที่สุด! ตำรวจรีดเงินดาราสาวไต้หวันจริง ระเบิดลงนครบาล เมื่อเย็นวานนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้โฆษกแถลงข่าวยืนยันว่า ตรวจสอบแล้ว ไม่มีตำรวจห้วยขวางเรียกรับผลประโยชน์ แต่ปรากฏว่า มีผู้หญิงคนไทย ซึ่งแฟนเป็นชาวสิงคโปร์ที่ไปร่วมวงสังสรรค์กับดาราสาวไต้หวัน ให้การยืนยันว่า เป็นผู้จ่ายเงินจำนวน 27,000 บาท ให้กับตำรวจที่ตั้งด่านด้วยตัวเอง และมีคลิปยืนยันด้วย ตนเห็นว่า การแถลงข่าวดังกล่าว ตำรวจนครบาลยังปากแข็ง ไม่ยอมรับ ทำให้ตำรวจห้วยขวางชุดที่ตั้งด่าน เพิ่งรับสารภาพว่า รีดเงิน 27,000 บาท จริง

นายชูวิทย์ ยังระบุอีกว่า ก่อนหน้านี้ พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ให้ลูกน้องไปวางแผนทำขายขี้หน้าหลายเรื่อง ทั้งการลบคลิปที่ด่านหน้าสถานทูตจีน ลบคลิปกล้องบนหมวกของตำรวจที่ด่าน กล่อมให้คนขับแกร๊บยืนยันว่าดาราสาวไต้หวันเมามาก พูดไม่รู้เรื่อง อยู่ที่ด่านแค่ 40 นาที แล้วอ้างว่ากล้องหน้ารถบันทึกได้แค่ 20 วัน จึงไม่มีภาพ ปล่อยคลิปสารพัดเพื่อดิสเครดิตดาราสาวไต้หวัน และตอบโต้แก้ตัวแทนลูกน้องตัวเอง โยนไปว่าสาวไต้หวันแต่งเรื่อง

ด้านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เห็นท่าไม่ดี จึงสั่งการให้ พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการศูนย์สืบสวนนครบาล รีบบินด่วนไปสอบปากคำดาราสาวไต้หวัน พร้อมกันกับที่สาวไทยที่ไปเที่ยวด้วยกัน มาให้ข้อมูลว่าเป็นคนจ่ายเงิน 27,000 บาทด้วยตัวเองนั้น ทีมตำรวจนครบาลจึงชิงกลับลำให้ตำรวจห้วยขวางสารภาพเสียดีกว่า

นายชูวิทย์ ระบุอีกว่า ระเบิดลงที่นครบาลอีกครั้ง พังไม่เป็นท่า ทั้งเรื่องสำนวนตู้ห่าวยังมีกลิ่นตุ ๆ ไม่หาย ยังมาทำเรื่องดาราสาวไต้หวัน ให้กลิ่นเหม็นเน่าเข้าไปอีก เพิ่งเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว กลับเจอด่านรีดไถ เพราะบุหรี่ไฟฟ้า ที่สำคัญยัง แต่งเรื่อง ทำลายหลักฐาน ไม่ยอมรับความจริง กลับโทษสาวไต้หวันคนพูดความจริงเสียอีก เรียกว่า ร้อนแรงจริง ๆ สำหรับการออกมาโพสต์ข้อมูลในครั้งนี้ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

นอกจากข้อมูลที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเปิดเผยแล้ว เพจเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า ดาวแปดแฉกได้ออกมาเผยข้อมูลไทม์ไลน์เกี่ยวกับประเด็นบุหรี่ไฟฟ้า โดยระบุข้อความว่า นีคือไทม์ไลน์ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในสถานที่แห่งหนึ่ง ย่านห้วยขวาง ที่ดาราสาวไต้หวันเข้าพัก โดยภาพจากกล้องวงจรปิดระหว่างวันที่ 4 - 5 มกราคม ได้บันทึกภาพ ตอนเธอมีบุหรี่ไฟฟ้าและสูบบริเวณสถานที่พัก

จากนั้นเธอได้ออกจากสถานที่พักไปผับแห่งหนึ่ง ย่านอาร์ซีเอ และกลับมาถูกตำรวจ สน.ห้วยขวาง เรียกตรวจ ซึ่งเธออ้างว่า เธอถูกยัดข้อหา ถูกตำรวจยัดบุหรี่ไฟฟ้า ตอนนั้นไม่รู้ว่าคืออะไร ถูกตำรวจถ่ายรูป ถูกตำรวจเรียกเงิน
หลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด ขัดแย้งกับคำพูดของเน็ตไอดอลสาว เพราะเธอมีบุหรี่ไฟฟ้าก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ส่วนที่อ้างว่าตำรวจเรียกเงิน 27,000 บาท ชุดสืบสวนรอภาพเพิ่มเติมจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และมีรายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนทราบข้อมูลว่าการเข้าพักที่สถานที่แห่งหนึ่ง ย่านห้วยขวาง พบว่า เพื่อนชายของเธอเป็นผู้เปิดห้องพัก จำนวน 2 ห้อง และพบว่าชายทั้งสองคนที่เข้าพักตรงกับชายสองคนที่เดินกับเธอที่ตลาดห้วยขวาง หลังจากไปส่งเพื่อนชายชาวต่างชาติที่พอพูดภาษาไทยได้เล็กน้อยที่ ซอยรัชดาภิเษก 32


และเมื่อเวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พลตำรวจตรี จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ร่วมกันแถลงข่าวในเรื่องนี้ พลตำรวจโท ธิติ บอกว่า ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการตั้งจุดตรวจบริเวณหน้าสถานทูตจีนจริง และปรากฏภาพนักท่องเที่ยวมีการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร แต่ตำรวจที่กำลังปฎิบัติหน้าที่ ได้พบเห็นวัตถุผิดกฎหมายไม่ได้ตรวจยึดเป็นของกลาง เพื่อส่งตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายกับนักท่องเที่ยว แต่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกจากจุดตรวจไป ซึ่งกรณีนี้เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มาตรา 157 ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลสั่งการให้ดำเนินการ ทั้งทางวินัยและอาญาแล้วจำนวนหลายนาย

ส่วนเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์จากนักท่องเที่ยวยังอยู่ระหว่างการรวบรวมให้ชัดเจน ทั้งพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ต้องเรียกมาสอบสวน พยานเอกสาร บันทึกรับสารภาพ จำนวนเงินที่แน่นอนเสียก่อน

พลตำรวจโท ธิติ บอกอีกว่า ขอยืนยันว่าไม่มีการสั่งการให้ลบภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นกล้องของกรุงเทพมหานคร ส่วนกล้องที่ติดหมวกของตำรวจ ขณะนี้ส่งไปที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานให้ตรวจสอบ เนื่องจากไฟล์ถูกลบจริง แต่เป็นการลบเองหรือไฟล์หมดอายุนั้น ต้องรอผลการตรวจสอบอีกครั้ง ยืนยันไม่มีใครสั่งการให้ทำเรื่องนี้

สำหรับกล้องวงจรปิดหน้าสถานทูต ไม่สามารถจะเข้าไปดำเนินการอะไรได้อยู่แล้ว ซึ่งตำรวจทำหนังสือขอรูปภาพจากกล้องดังกล่าวไปแล้วตั้งแต่วันแรก ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอการตอบรับอยู่ หากใครมีพยานหลักฐานหรือคลิปภาพ ก็ยินดีรับมาดำเนินการตามความเป็นจริง ตำรวจที่ไม่ดีจะไม่เก็บไว้ในองค์กร โดยคลิปที่นายชูวิทย์อ้างมีการส่งเงินให้นั้น ตำรวจยังไม่มี

และกรณีที่นายชูวิทย์ ให้ข้อมูลมีหญิงไทยเป็นผู้ส่งมอบเงินให้ตำรวจนั้น เรื่องบุคคลในที่เกิดเหตุ เป็นประเด็นที่ตำรวจได้วางกรอบการสืบสวนเอาไว้แล้วตั้งแต่แรก โดยจะเร่งรัดติดตามบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดมาสอบสวน ซึ่งอยู่ระหว่างรอข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีบุคคลนอกเหนือจากคนขับรถหญิงชาวไต้หวัน และเพื่อนชาย 3 คน เข้ามาที่ด่านเพิ่มเติมหรือไม่ ส่วนเพื่อนชายทั้ง 3 คน กำลังพยายามติดต่อให้เข้ามาให้การ แต่การประสานงานกับทางไต้หวัน ต้องทำผ่านเจ้าหน้าที่ เพราะได้ประสานงานโดยตรงไปแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบรับ

ด้านคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ได้สรุปผลการสอบสวนเบื้องต้นออกมาแล้วใน 3 ประเด็น คือ 1.การตั้งด่านตรวจ เป็นการตั้งด่านโดยถูกต้องตามระเบียบขั้นตอนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ 2.การที่เรียกตรวจหญิงสาวชาวไต้หวัน โดยใช้เวลานานกว่า 40 นาที แต่กลับกลับไม่พบบุหรี่ไฟฟ้า ทั้ง ๆ ที่จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ทั้งก่อนและหลังผ่านด่านตรวจ ทั้งที่โรงแรมที่พักและสถานบันเทิง ปรากฏภาพการถือและสูบบุหรี่ไฟฟ้า จึงเชื่อว่าขณะที่หญิงสาวชาวไต้หวันถูกเรียกตรวจ ยังคงครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ แต่กลับไม่มีรายงานการตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า หรือดำเนินคดีกับหญิงสาว ประเด็นนี้คณะกรรมการสอบสวนฯ เห็นว่าเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ม.157 จะมีการสอบสวนเบื้องต้นก่อนส่งสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาไต่สวนตามขั้นตอนต่อไป และ 3.การเรียกรับเงิน 27,000 บาท ตามที่ฝ่ายหญิงสาวชาวไต้หวันกล่าวหา ประเด็นนี้เนื่องจาก ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่ามีการเรียกรับหรือไม่ ทางคณะกรรมการสอบสวนฯ จึงเห็นว่า จะประสานให้ฝ่ายหญิงสาวชาวไต้หวันที่อ้างตัวเป็นผู้เสียหาย แจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณด่านตรวจ และให้ไปพิสูจน์หลักฐานกันเองในชั้นศาล หากฝ่ายเจ้าหน้าที่เห็นว่า หญิงสาวชาวไต้หวัน กล่าวหาด้วยข้อมูลเท็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถฟ้องกลับได้

ส่วนประเด็นการให้เงินสินบนหรือไม่ ตำรวจจะติดต่อให้พยานในรถแท็กซี่ที่นั่งมาด้วยกันกับหญิงสาวชาวไต้หวัน มาให้การเพิ่มเติม โดยเฉพาะพยานใหม่ที่อ้างว่า มีการจ่ายเงินให้ตำรวจนอกเครื่องแบบ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นของคณะกรรมการสอบสวนฯ พบว่า มีเจ้าหน้าที่ประจำด่านนายหนึ่ง แต่งกายนอกเครื่องแบบจริง แต่ไม่ชัดเจนว่ามีการเรียกรับสินบนหรือไม่

และล่าสุด พลตำรวจตรี อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการด่วนให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งการให้ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง ไปช่วยราชการด่วน หลังจากมีข้อมูลว่า มีตำรวจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันถูกเรียกรับเงิน พร้อมกำชับให้ดำเนินการตั้งกรรมการวินัยร้ายแรง และดำเนินคดีอาญาในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำความผิดทุกรายอย่างเด็ดขาด มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง