“ปู่ฤาษีอุดร” แจงศูนย์ดำรงธรรม ปัดไม่ได้โกงชาวบ้าน วิ่งเต้นคดี แค่เป็นตัวกลางโอนเงินผ่านบัญชีเท่านั้น โบ้ย! นายทหารยศพันเอกเป็นคนโกง ผู้เสียหายหลงเชื่อเอง
“ปู่ฤาษีอุดร” ปัดไม่ได้โกงชาวบ้าน (2 ก.พ.66 ) จากกรณีนางศิริพรประภา บรีเดน อายุ 45 ปี ชาว อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี และชาวบ้านนับสิบคน เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 อ้างว่าโดน “ปู่ฤาษีอุดร” ตุ๋นเงิน 3 แสนบาท อ้างว่ารู้จักทหารยศใหญ่ สามารถช่วยดำเนินการเรื่องเป็นผู้จัดการมรดกของสามีต่างประเทศที่เสียชีวิตได้โดยเร็ว แต่เมื่อได้รับเงินไปแล้ว ไม่สามารถดำเนินการให้ได้ และติดต่อไม่ได้ เมื่อไปแจ้งความคดีก็ไม่คืบ จึงมาร้องเรียนให้ช่วยเร่งรัดคดี
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว นายวีระยุทธ ชัยภักดี อายุ 38 ปี หรือ”ปู่ฤาษีอุดร” เดินทางเข้าพบนายเจษฎา ปานะถึก ผอ.ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี เพื่อชี้แจงพร้อมหลักฐาน สลิปการโอนเงิน การแชท ภาพถ่ายบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.มาร่วมรับฟังด้วย โดยปู่ฤาษีอุดร ชี้แจงว่าไม่ได้เป็นคนตุ๋นเงินเพื่อช่วยดำเนินการเรื่องมรดกของนางศิริพรประภา เป็นเพียงแต่ให้โอนเงินผ่านบัญชีเท่านั้น โดยนางศิริพรประภาโอนเงินเข้าบัญชีตนหลายครั้ง รวมเป็น 1.8 แสนบาท ไม่ใช่ 3 แสนบาทตามที่กล่าวอ้าง
หลังนางศิริพรประภาโอนเงินเข้าบัญชี ตนก็ได้โอนเงิน 1.2 แสน ไปให้ทหารยศ พ.อ.นายหนึ่งซึ่งปรากฎอยู่ในภาพถ่าย และโอนไปให้ปู่ฤาษีมหารวย 2 หมื่นบาท ที่เหลือ 4 หมื่นบาท ตนเก็บไว้ใช้จ่าย ค่าเดินทาง ค่ากินอยู่ ซึ่งนางศิริพรประภาไปหลงเชื่อนายทหารมากเกินไป ส่วนตนได้ตักเตือนชี้ทางสว่างให้แล้ว แต่นางศิริพรประภาก็ไม่เชื่อ ทำให้ตนเสียหาย จึงได้มาร้องขอความยุติธรรมคืน”
นายวีระยุทธ เปิดเผยว่า ตนและนายทหารยศพันเอก รู้จักกันเพราะสายบุญ เป็นคนที่น่าเชื่อถือมาก เวลามาหาตนจะแต่งตัวเต็มยศ ทำให้ตนเชื่อถือ และอาสาช่วยเรื่องคดีมรดกให้เสร็จเร็วขึ้น และมีการโอนเงินผ่านบัญชีของตน ส่วนเรื่องจะช่วยได้หรือไม่นั้น ก็ต้องไปถามนายทหารยศพันเอกคนนั้น ส่วนเรื่องหลอกว่ามีโควตาฝากเข้าเป็นนายสิบทหาร นั้น มีลูกหลานของลูกศิษย์นับ 10 คน แต่ก็เข้าไม่ได้เสียเงิน 30,000 บาท จนถึง 2 แสนบาท และนายทหารพันเอกยังอ้างว่าสามารถโยกย้ายทหารได้ ซึ่งตนได้พาผู้ที่โดนหลอกไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.ขอนแก่น ซึ่งนายทหารยศพันเอกคนนี้มีเรื่องร้องเรียนมาก
นายวีระยุทธ หรือปู่ฤาษีอุดร เปิดเผยต่อว่า เรื่องดังกล่าวทำให้ตนได้รับความเสียหาย เพราะตนไม่ได้เป็นคนบอกว่าสามารถช่วยเหลือเรื่องคดีมรดกได้ นางศิริพรประภา ไปหลงเชื่อนายทหารคนนั้นเอง พอดำเนินการให้เร็วตามที่ต้องการไม่ได้ ก็อยากได้เงินคืน และมาแจ้งความดำเนินคดีกับตน และมาร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งตนไม่สามารถเอาเงินคืนให้ได้ เพราะเงินอยู่กับนายทหารคนนั้น ตอนนี้ไม่ได้ติดต่อกับนายทหารคนนี้แล้ว เพราะรู้ว่านายทหารคนนี้นิสัยไม่ดี ชอบหลอกลวง ตนจะพาผู้เสียหายไปร้องเรียนทหารคนนี้ ส่วนเรื่องมีนายตำรวจยศ พ.ต.ท. ที่ผู้เสียหายอ้างว่า รับมาทวงเงินคืนจากตน แต่กลับมาช่วยเหลือตนและช่วยเหลือเรื่องคดีความ ตนก็ไม่รู้จัก
