หญิงชาวขอนแก่น ร้องตรวจสอบเจ้าอาวาสแช็ตขอหอมแก้มสาว เจ้าตัวโต้สร้างหลักฐานเท็จมาทำลาย

หญิงชาวขอนแก่น ร้องตรวจสอบเจ้าอาวาสแช็ตขอหอมแก้มสาว เจ้าตัวโต้สร้างหลักฐานเท็จมาทำลาย

View icon 359
วันที่ 3 ก.พ. 2566 | 16.15 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (3 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกรณีชาวบ้านคนหนึ่ง ในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่น นำภาพข้อความแช็ต อ้างว่า เป็นข้อความแช็ตระหว่างเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ต.บ้านโคก อ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่น สนทนากับผู้หญิงออกแนวชู้สาว ขอหอมแก้ม บอกให้ฝ่ายหญิงมาหา จึงอยากให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมของเจ้าอาวาสรูปดังกล่าว พร้อมทั้งกล่าวหาว่า แอบอ้างเป็นธรรมทายาทของหลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต อดีตเจ้าอาวาสวัดวัดอุดมคงคาคีรีเขต ต.นางาม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ซึ่งได้มรณภาพเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2528 สิริรวมอายุได้ 81 ปี

โดยหญิงที่ร้องเรียน บอกว่า เป็นเรื่องราวของความไม่โปร่งใสของเจ้าอาวาสรูปนี้ ทั้งเรื่องเงิน ทั้งเรื่องแอบอ้างเป็นญาติธรรมหลวงปู่ผาง ทั้งยังมีเรื่องเสื้อของหลวงปู่ผาง สร้างเหรียญ อวดอุตริ และยังสืบทราบมาว่าหนีมาจากวัดคอนบุรี เพราะมีเรื่องผู้หญิง จึงย้ายมาขออาศัยอยู่กับหลวงปู่นงค์ที่วัดหลวงปู่ผาง แต่ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ตนเองไม่ได้มีอคติอะไรกับที่วัด ตนเองเป็นลูกศิษย์ลูกหาที่ศรัทธาหลวงปู่ผาง มาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เรียกได้ว่าเป็นสะพานบุญให้กับวัด ตอนนี้ยังนึกเสียดายว่าเจ้าอาวาสรูปดังกล่าวได้มาอยู่ที่วัดหลวงปู่ผางแล้ว แต่ทำไมไม่ปฏิบัติให้ดี พอผ่านไปเริ่มเห็นความผิดปกติ ไม่โปร่งใสมากขึ้น จึงอยากให้มีการตรวจสอบ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้อความแช็ตนั้น รู้จากปากลูกศิษย์หลวงปู่ผางหลายคน ว่าหลวงปู่ผางไม่ได้บวชให้ มีเพียงหลวงปู่นงค์ หลวงปู่จื่อ หลวงปู่ประเสิร์ฐ ซึ่งมีหลักฐานข้อมูลชัดเจนในเรื่องนี้ และต่อมาเป็นเรื่องแช็ตขอหอมแก้มผู้หญิงนั้น ช่วงนั้นเคยไปหานักข่าว กระทั่งนักข่าวพาไปหาหญิงเจ้าของแช็ตดังกล่าว แต่หญิงคนดังกล่าวฏิเสธว่าทำหลักฐานขึ้นมาเอง เอาโทรศัพท์ของพระอาจารย์มาเอง หากไปถามชาวบ้านในหมู่บ้าน ก็จะชัดเจนว่าเป็นเรื่องจริง แต่ตนเองไม่มีหลักฐานนอกจากแช็ตนี้ 

ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัด และได้พบเจ้าอาวาสที่ถูดพาดพิง ก่อนจะเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องนี้มีมานานกว่า 2 ปีแล้ว และครั้งนั้นก็มีการตรวจสอบรวมทั้งสื่อมวลชนในพื้นที่ด้วย และคนที่ทำแช็ตนี้ขึ้นมา ก็ยอมรับแล้วว่าเป็นคนทำขึ้นมาเองจริง เพื่อทำลายอาตม ซึ่งกรณีดังกล่าวนั้น มีโยมผู้ชายมาขายของที่วัด โดยอยู่กับผู้หญิงอีกคน โยมผู้ชายได้ยืมโทรศัพท์ไปโทรหาแฟนสาว ซึ่งเป็นขณะที่กำลังทำวัตรเย็นอยู่บนศาลา แต่ยืมไปแล้วไม่เอามาคืน มาทราบอีกครั้งคือโยมผู้หญิงใช้โทรศัพท์ที่โยมผู้ชายยืมอาตมาไปส่งข้อความแช็ตหาตัวเอง โดยเป็นการสร้างหลักฐานเท้จขึ้นมาโจมตีอาตมา สร้างเรื่องราวเองในเรื่องขอหอมแก้ม ต้องการให้ออกจากวัดไป เพราะไม่พอใจอาตมา ที่จะมีโยมจะทำศาลปู่ภูประแดง โดยจะมีเถ้าแก่มาสร้างให้

กระทั่งมีโยมกลุ่มหนึ่งเสนอราคาในการสร้างศาลปู่ครบชุดราคา 35,000 บาท แต่อาตมาและลูกศิษย์หาซื้อได้ในราคา 5,000 บาท โดยได้ซื้อที่ จ.แพร่ ทำให้เกิดความไม่พอใจ จึงพยายามหาวิธีทำลายอาตมาให้ออกไปจากวัดให้ได้ ซึ่งในเวลาต่อมา โยมผู้หญิงคนดังกล่าวก็ออกมายอมรับแล้วว่าเป็นคนทำเองจริงๆ ซึ่งก็มีการตรวจสอบยอมรับจากโยมผู้หญิงคนดังกล่าวแล้ว และเรื่องก็จบไปเมื่อหลายปีก่อน

ในส่วนเรื่องของธรรมทายาทนั้น อาตมามาจำพรรษที่วัดหลวงปู่ผางเมื่อปี 2562 ต่อมาพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เจ้าคณะอำเภอบ้านไผ่ เจ้าคณะอำเภอชนบท ทั้งหลวงพ่อสมานเจ้าคณะอำเภอมัญจาคีรี-โคกโพธิ์ไชย ได้บอกให้มาอยู่ที่วัดแห่งนี้ เพราะเป็นสายธรรมยุติ ซึ่งส่วนมากเป็นมหานิกายมาอยู่ และอาตมาก็มีวัดของอาตมาอยู่แล้ว จึงเห็นว่าถ้าเป็นของหลวงปู่ผางก็อยากมาอยู่ อยากจะสานต่อหลวงปู่ผาง และการปกครองก็ลำบาก เพราะเป็นวัดสายธรรมยุติ แต่มีพระสายมหานิกายอยู่ด้วย และเรื่องญาติโยมทำบุญทำนุบำรุงศาสนาก็ยังไม่ทั่วถึง จึงเข้ามาอยู่ที่วัดเพื่อมาสานต่อ และสร้างทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาภายในวัดให้ชาวบ้านเข้าถึง มาทำบุญอยู่ร่วมกันได้ทั้งพระและฆารวาส จนถึงปัจจุบันนี้

อย่างไรก็ตาม หากพูดตามหลักตรงๆ อาตมาก็ไม่ทันหลวงปู่ผาง อาตมาบวชในปี 2534 ไม่ใช่ลูกศิษย์แท้ๆ ไม่เคยได้รับการอบรบสั่งสอนโดยตรงจากหลวงปู่ผาง แต่เป็นสายญาติธรรมที่สืบต่อกันมา ในวงการของหลวงปู่ผาง พ่อแม่ครูบาอาจารย์ก็รู้จักอาตมา ไม่ได้แอบแฝงหาผลประโยชน์ เงินกฐินได้มาก็มาทำนุบำรุงวัดทั้งหมด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอาตมายอมรับว่าตามไม่ทัน เพราะโยมผู้หญิงคนนี้พยายามสร้างหลักฐานเท็จ สร้างเรื่องมากล่าวหาเพื่อให้อาตมาออกจากวัดไป โดยเรื่องนี้มีการพูดกล่าวหาอาตมาไปทั่วทั้งอำเภอ แต่ทางโยมผู้หญิงก็มีการออกมายอมรับว่าสร้างหลักฐานแช็ตเท็จขึ้นมาแล้ว ส่วนโยมผู้ชายนั้นทราบว่าภายหลังจากเลิกขายของที่วัด ก็ไปบวชและไม่รู้ว่าจำพรรษาที่วัดไหน ไม่ได้กลับมาที่วัดนี้อีก ขณะที่โยมผู้หญิงก็ไม่อยู่ในพื้นที่เช่นกัน ส่วนตัวอาตมาไม่วิตกกังวล ยืนยันในเรื่องความบริสุทธิ์ หากจะตรวจสอบก็พร้อมที่จะให้ตรวจสอบ ในส่วนอื่นๆก็จบไปแล้ว ก็ปล่อยเป็นวิบากกรรมตามธรรมชาติไป