ขยี้ข่าวใหญ่ : คดีพลิก ตำรวจตั้งด่านรีดเงินชาวต่างชาติ

View icon 85
วันที่ 4 ก.พ. 2566 | 12.01 น.
ข่าวเด็ด 7 สี
แชร์
ข่าวเด็ด 7 สี - ข่าวใหญ่ที่ร้อนแรงมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ทำเอาตำรวจในกองบัญชาการตำรวจนครบาล และสน.ห้วยขวาง ร้อน ๆ หนาว ๆ กันมาหลายวัน มีเรื่องให้มาขยี้เจาะลึกทุกวันจนมาถึงวันนี้

แน่นนอนว่า ต้องเป็นเรื่องเน็ตไอดอลสาวชาวไต้หวัน ที่กล่าวหาว่า ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ตั้งด่านรีดไถเงิน 27,000 บาท มีการตีโต้ข้อมูลไปมาระหว่างตำรวจกับหญิงสาว แต่แล้วก็มีตัวแปรสำคัญมาเปลี่ยนเกม ทำให้คดีพลิก จากพยานปากเอกมาตามนัด ร่วมแฉพร้อม นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ จับโป๊ะตำรวจติด จนมีตำรวจถูกดำเนินคดี และโดนสั่งย้ายกันหลายนาย 

คดีพลิก ตำรวจตั้งด่านรีดเงินชาวต่างชาติ
เริ่มจากต้นสัปดาห์ ความพยายามของฝ่ายตำรวจที่ไล่ตอบประเด็นต่าง ๆ ที่เน็ตไอดอลสาวชาวไต้หวันโพสต์หรือให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เธอบอกว่า ตำรวจยัดบุหรี่ไฟฟ้าใส่มือเธอ ซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนถูกกดดันให้ต้องจ่ายเงิน

ฝั่งตำรวจเอง ก็ไปงัดภาพวงจรปิดในที่อยู่ในสถานที่ต่าง ๆ มาบอกว่า เธอมีและสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ก่อนจะเข้าด่านแล้ว

ฝั่งดาราสาวโพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว ทั้งเป็นภาษาจีนและภาษาอังกฤษ ใจความว่า ยืนยันว่าทุกเรื่องเป็นเรื่องจริง แต่ถูกบิดเบือน ไม่ได้กุเรื่อง และคืนนั้นถูกบังคับให้เพื่อนต้องจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว

ประชุมตรวจสอบ ตำรวจเรียกเงินดาราสาวไต้หวัน
แต่ภายใต้การโต้ตอบนี้ ตำรวจอีกชุดได้สืบสวนสอบสวนคดีนี้ไปพร้อม ๆ กัน แบบลับ ๆ โดยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เรียกประชุมคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน เพื่อนำข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้มาตรวจสอบเทียบเคียงกัน

ในช่วงแรก ตำรวจบอกว่า ยังไม่พบหลักฐานการเรียกรับในชั้นนี้ และยังประสานตำรวจไต้หวัน เตรียมให้ตำรวจไทยบินลัดฟ้าไปร่วมสอบปากคำดาราสาว และไปสอบเพื่อนเธอทั้ง 3 คน ที่สิงคโปร์ ให้ชี้ชัด ๆ ว่า ตำรวจนายใดเรียกรับเงิน

ฝั่งของตำรวจฝ่ายที่ตอบโต้ ก็วิ่งหาคำตอบไป พร้อมกับการหาพยานหลักฐานว่า ตำรวจไปไถเงินเขาจริงไหม ฝ่ายสอบสวนก็ไล่สอบกันไป 

ตอนนั้น หลายคนคิดว่า งานนี้เกมในสนามของคู่นี้ คงเป็นเกมยาวแน่ ๆ แต่เพียงไม่ทันพ้นช่วงข้ามคืนของช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เริ่มมีกลิ่นไม่ดีเกิดขึ้น จากโพสต์เดียวของ นายชูวิทย์ ทำเอาสะเทือนไปถึงกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ สน.ห้วยขวาง ที่ต้องเร่งออกมาชี้แจงเรื่องนี้

เปิดเกมเช็กบิล ตร.ตั้งด่านไถเงินนักท่องเที่ยว
เกมครึ่งหลังเริ่มจากโพสต์ของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ลงทุนไปยืนถ่ายรูปที่หน้า สน.ห้วยขวาง ระบุว่า "ด่วนที่สุด! ตำรวจรีดเงินดาราสาวไต้หวันจริง" บนต้นโพสต์ จากนั้นก็เริ่มอธิบาย คนที่จ่ายเงินให้ตำรวจ คือ ชายชาวสิงค์โปร์ที่ไปกับเน็ตไอดอลสาวชาวไต้หวัน แถมบอกอีกว่า มีคลิปหลักฐานยืนยัน และอ้างด้วยว่า ตำรวจชุดที่ตั้งด่านก็ยอมรับว่า รีดเงิน 27,000 บาท จริง แถมอ้างว่า มีการสั่งทำลายหลักฐานต่าง ๆ ทั้งกล้องวงจรปิด และอุปกรณ์ต่าง ๆ

พอหลักฐานต่าง ๆ เริ่มกระชับเข้ามา สุดท้าย 2 บิ๊กตำรวจใน สตช. ถึงกับต้องออกมาขอโทษประชาชน และยืนยันจะเอาจริง ถ้ามีคนผิดก็ฟันไม่เลี้ยง

งานนี้ ตำรวจ 6 นาย ที่ประจำด่านตรวจวันนั้น ก็เริ่มเห็นเค้าลางหายนะมาเยือน ตั้งแต่มีคำสั่งย้ายผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง ตามด้วยคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีความเห็นให้ลงโทษ และแจ้งข้อหาตำรวจทั้ง 6 นาย ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จากการไม่ดำเนินคดีเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า และปล่อยให้ออกจากด่านไป โดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน ก่อนที่จะจบลงด้วยคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 6 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน จากข้อหาข่มขู่รีดทรัพย์

จริง ๆ แล้ว ในคืนนั้นมีตำรวจตั้งด่านกันทั้งหมด 14 นาย โดยตำรวจที่ด่านจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกจะยืนที่หน้าด่าน เกาะกลาง ค่อยตรวจรถที่ผิดปกติ อีกส่วนจะไล่รถที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป กลุ่มนี้มี 7 คน ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ได้พูดคุย หรืออยู่ใกล้สาวไต้หวันและเพื่อน แต่ก็โดนสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่งานตั้งด่านไปอยู่ดี

แต่กลุ่มที่ 2 ที่โดนแจ้งข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะทั้ง 7 คน มีการแบ่งหน้าที่กัน บางคนเข้าไปชนเหยื่อด้วยการข่มขู่เอาเงิน บางคนมีหน้าที่บังกล้อง บางคนผลัดกันเข้ามาดู หรือเกลี้ยกล่อมเหยื่อให้จ่าย โดยมี 1 นาย ออกไประงับเหตุก่อน ก็เลยหลุดจากร่างแห ไม่โดนให้ออกจากราชการไว้ก่อน แต่หนีไม่พ้นการถูกย้าย

สกาย พยานปากเอก ปิดเกม ตร.ตั้งด่านไถเงิน
จุดพีกที่เป็นหลักฐานสำคัญมัดตัวตำรวจกลุ่มนี้ คือ สกาย หนุ่มชาวสิงคโปร์ เพื่อนของเน็ตไอดอลไต้หวัน คนจ่ายเงิน 27,000 บาท ให้กับตำรวจในด่าน เขาเล่าแบบฉากต่อฉาก ยืนยันเรื่องการถูกค้นกระเป๋า ที่ตำรวจบอกให้แสดงหนังสือเดินทาง แล้วค้นไปเจอบุหรี่ไฟฟ้า 3 อัน และถูกสั่งห้ามโทรศัพท์ติดต่อใคร หรือถ่ายรูป

สกาย งงว่า "ทำผิดกฎหมายอะไร" เพราะบุหรี่ไฟฟ้าก็ซื้อมาจากตลาดห้วยขวาง และคนไทยสูบกันทั่วไป กลายเป็นว่า เจ้าหน้าที่ยิ่งโกรธ ขู่จะพาทุกคนไปดำเนินคดีที่ สน. และต้องติดคุก 2 วัน จึงเกิดการเจรจาต่อรองจากตำรวจ และตัดสินใจยอมจ่ายเงิน เพราะต้องเดินทางกลับวันรุ่งขึ้น

จากนั้นจึงมีตำรวจมาแจกแจงให้ฟังว่า ต้องจ่ายเงินเท่าไร อย่างไรบ้าง ซึ่งรวมแล้วเป็นเงิน 27,000 บาท เพราะความกลัวจึงยอมจ่ายเงินไป เขาจำได้แม่นว่า มีตำรวจอย่างน้อย 3 นาย ที่รู้เห็นชัดเจน

ล่าสุด ตำรวจ 6 นาย แบ่งเป็นยศ ร้อยตำรวจเอก 2 นาย ดาบตำรวจ 1 นาย และสิบตำรวจเอก 3 นาย ที่ถูกชี้ตัว ได้ชิงเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา เป็นเจ้าหน้าที่เรียกรับเงิน ที่ศูนย์สืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งมีโทษ จำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000-400,000 บาท ซึ่งเบื้องต้น ทั้ง 6 นาย ให้การรับสารภาพในการสืบสวน แต่ก็ไปปฎิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นสอบสวน ก่อนจะถูกส่งตัวไปฝากขังที่ศาล ซึ่งทุกคนไม่ได้รับการประกันตัวต้องเข้าเรือนจำทันที

จากนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่า คดีนี้ตำรวจจะมีการขยายผลไปถึงตำรวจหรือบุคคลอื่นที่รับเงิน 27,000 บาท ต่อจากตำรวจชุดนี้หรือไม่ หรือจะตัดจบแค่นี้ หวังว่าคดีจะเป็นตัวอย่างสำคัญไปถึงตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ ที่จะเรียกรับผลประโยชน์จากใคร เพราะถ้าภัยมาถึงตัวเมื่อไร ไม่เพียงตัวเองหรือพวกที่จะเสียหาย แต่ภาพพจน์องค์กรที่สังกัดอยู่ก็จะเสียหายแบบกู่ไม่กลับไปด้วย