แอปหาคู่อันตราย! ตำรวจ PCT จับอดีตทนายปลอมรูปหนุ่มหล่อตุ๋นสาวหมดตัว พบข้อมูลแบล็กเมล์เหยื่อ บางรายคิดสั้นฆ่าตัวตาย เจ้าตัวยังปฏิเสธเสียงแข็ง
แอปหาคู่ ระวังเจอหลอกหมดตัว วานนี้(3 ก.พ.2566) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.PCT ชุดปฏิบัติการที่ 5 นำกำลังร่วมกันจับกุมตัว นายพงศกร หรือชาย อายุ 43 ปี ชาวบ้าน ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ ลงวันที่ 16 ต.ค.2561 ข้อหา "ยักยอกทรัพย์", หมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ข้อหา "ฉ้อโกง" และหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 2 ก.พ.2566 ข้อหา "ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น" และตรวจค้นคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ซ.สุขุมวิท 13 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตามหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการ ยึดของกลาง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง (พบข้อมูลภาพผู้เสียหายเปลือย), สมุดจดบันทึก จำนวน 6 เล่ม (พบข้อมูลการจดลักษณะนิสัยของเหยื่อ), บัตร ATM จำนวน 12 ใบ, สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 17 เล่ม, ซิมโทรศัพท์มือถือ จำนวน 16 ซิม และเอกสารการทำธุรกรรมการเงินจำนวนมาก
สืบเนื่องจากได้มีหญิงสาวผู้เสียหายรายหนึ่ง ขอความช่วยเหลือไปถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. แจ้งว่าใช้แอปพลิเคชันหาคู่ App Bumble และพบกับมิจฉาชีพซึ่งอ้างว่าชื่อ นายเธนศ(ไม่ทราบนามสกุล) ชื่อเล่น ทอม สร้างภาพเป็นหนุ่มรูปหล่อ ได้แชตสนทนาจีบกันกับหญิงผู้เสียหาย หว่านล้อมว่าเป็นผู้ชายสายบุญ กระทั่งผู้เสียหายรายนี้เริ่มหลงรัก เมื่อมิจฉาชีพรับรู้ได้ว่าหญิงผู้เสียหายมีอาการป่วยโรคซึมเศร้า จึงใช้เทคนิคการสนทนาแต่งเรื่อง วิปริต หลอกลวงผู้เสียหายว่า หากต้องการจะคบเป็นแฟน หญิงผู้เสียหายจะต้องไปหลับนอนกับพ่อ ของตนก่อน มิเช่นนั้นจะต้องเลิกรากัน ซึ่งหญิงผู้เสียหายกลัวที่จะต้องเลิกรายอมเดินทางไปพบกับ พ่อของหนุ่มหล่อที่สนทนากัน ซึ่งแท้จริงพ่อคนดังกล่าวนั้นคือ ผู้ต้องหา เพราะทราบดีว่าหน้าตาไม่เหมือนกับใบหน้าในโปรไฟล์ที่สนทนากัน จึงออกอุบายว่าเป็นพ่อของหนุ่มรูปหล่อที่สนทนากับหญิงผู้เสียหาย เมื่อผู้ต้องหา นัดเจอกับผู้เสียหายที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เป็นจำนวนกว่า 4 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 6-19 ม.ค.2566 จากนั้นเริ่มล่อลวงให้ผู้เสียหายลงทุน Money Exchange โดยโอนเงินให้กับผู้ต้องหาหลายครั้ง และยังถูกหลอกให้นำรถยนต์ของเหยื่อไปขาย รวมความเสียหายทั้งหมด 1,511,911 บาท
จากการสืบสวนพบว่า หญิงผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อ มีอาการคิดฆ่าตัวตาย วิเคราะห์ได้ว่าเหยื่ออาจถูกผู้ต้องหาแบล็กเมล์ จึงสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาคือ นายพงศกร เป็นอดีตทนายความในพื้นที่ จ.ชลบุรี แต่ถูกถอนใบอนุญาตเนื่องจากเข้าไปพัวพันเรื่องผิดกฎหมายกับกลุ่มชาวต่างชาติ และเป็นบุคคลตามหมายจับกว่า 2 หมายจับ มีประวัติก่อเหตุมาแล้วหลายคดีดังนี้
1.วันที่ 15 พ.ย.2549 ถูกดำเนินคดีในข้อหา พ.ร.บ.เช็ค พื้นที่ สภ.เมืองนครปฐม
2.วันที่ 21 มิ.ย.2550 ถูกดำเนินคดีในข้อหา ลักทรัพย์ พื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ
3.วันที่ 15 พ.ค.2561 ถูกดำเนินคดีในข้อหา ยักยอกทรัพย์ พื้นที่ สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่
4.วันที่ 1 พ.ค.2563 ถูกดำเนินคดีในข้อหา ฉ้อโกง พื้นที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์
5.วันที่ 30 ม.ค.2565 ถูกดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมฯ พื้นที่ สน.ตลิ่งชัน
6.วันที่ 29 พ.ค.2565 ถูกดำเนินคดีในข้อหา ฉ้อโกงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมฯ พื้นที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา
ต่อมาวันที่ 3 ก.พ.2566 พล.ต.ต.ธีรเดช นำกำลังตำรวจชุด PCT5 เข้าจับกุมนายพงศกรตามหมายจับ โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าร้านทอง ถ.สุขุมวิท ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยขณะจับกุม นายพงศกร ออกอุบายตบตาเจ้าหน้าที่ แสร้งว่ามิใช่บุคคลตามหมายจับ และเมื่อตรวจสอบแล้วยืนยันว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและจะทำการจับกุมตัว นายพงศกรยังมีพฤติกรรมต่อสู้ขัดขืนการจับกุมของเจ้าหน้าที่ จึงได้ใช้กำลังตามสมควรในการจับกุม และขยายผลเข้าตรวจค้น คอนโดมิเนียม พบของกลางหลายรายการ โดยตรวจพบหลักฐาน สมุดบันทึก ซึ่งบันทึกลักษณะจิตใจ พฤติกรรม ของเหยื่อผู้เสียหาย และยังตรวจพบข้อมูลภาพถ่ายของผู้เสียหาย ที่นายพงศกรใช้แบล็กเมลล์ในโทรศัพท์มือถือหลายภาพ และพบอัลบั้มภาพลักษณะนี้กับผู้หญิงรายอื่นอีกไม่ต่ำกว่า 3 คน
อย่างไรก็ตาม ในชั้นจับกุม นายพงศกร ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ระบุว่า จบการศึกษานิติศาสตร์ และเนติบัณฑิตไทย เคยมีอาชีพเป็นทนายความ เป็นเจ้าของเปิดสำนักงานทนายความอยู่ที่ จ.ชลบุรี แต่เข้าไปพัวพันกับกลุ่มชาวต่างชาติ สัญชาติออสเตรเลียที่กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด จึงทำให้ไม่ได้เป็นทนาย ช่วงที่ผ่านมาใช้ชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ เพราะหนีการประกันตัวชั้นศาล โดยแอบถอดกำไลข้อเท้าทิ้งไปแล้ว ในคดีนี้ยืนยันว่าไม่ได้ลงมือข่มขืนผู้เสียหาย และไม่ได้แบล็กเมลล์แต่อย่างใด อ้างว่าหญิงผู้เสียหายเป็นฝ่ายยินยอม นัดพบกันแล้วไม่ตรงปก ผู้เสียหายไม่ได้ว่าอะไร ไม่ได้ฉ้อโกง แต่เป็นการขอยืมเงิน อ้างว่ายังติดหนี้หญิงผู้เสียหายอยู่แค่ 500,000 บาท แต่เอาเงินไปเล่นการพนันออนไลน์จนหมดแล้วจึงไม่มีคืน ส่วนที่ภายในห้องพบสมุดบัญชีและซิมโทรศัพท์จำนวนมากนั้น เป็นของคนรู้จัก ไม่ได้ทำผิดกฎหมายใด ๆ ส่วนภาพผู้เสียหายในเครื่องโทรศัพท์นั้นเป็นการเอามาจากเว็บไซต์และเป็นการแลกรูปกันโดยเต็มใจทั้งสองฝ่าย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ตำรวจไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะจากพยานหลักฐานวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ต้องหา ประกอบกับภาพในโทรศัพท์ เป็นภาพการวิดีโอคอลลักษณะที่ฝ่ายหญิงผู้เสียหายเปิดภาพกล้องฝ่ายเดียวในสภาพเปลือยกาย เป็นรูปแบบและเทคนิคการฉ้อโกงที่น่ากลัว หลักฐานสมุดจดในห้องนั้นวิเคราะห์จุดอ่อนของเหยื่อ คดีนี้ถือเป็นภัยต่อสังคมอย่างยิ่ง มีจิตวิทยาสูง อาศัยความเชื่อเหยื่อในการดูดวง การกระทำเยี่ยงนี้สามารถทำลายชีวิตคนให้ตายทั้งเป็น และขอเตือนภัยไปยังกลุ่มผู้ใช้แอปพลิเคชันหาคู่ หากผู้ใดได้รับความเสียหายถูกหลอกลวงหรือกำลังจะหลงเชื่อ สามารถขอคำปรึกษาได้ทางเพจเฟซบุ๊ก สืบสวนนครบาล IDMB ได้ตลอด 24 ชม.
เบื้องต้น ตำรวจจึงนำตัว นายพงศกร ส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.1 เพื่อดำเนินคดีในข้อหา "ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น" ส่วนหมายจับที่เหลืออีก 2 หมาย ได้ประสานกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ และ สภ.แม่ปิง ทำเรื่องอายัดตัวต่อไป