สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - แม้ว่า ภาพจาก "กล้องหมวกตำรวจ" คดีดาราไต้หวัน จะกู้คืนมาได้แล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะตรวจสอบเสร็จสิ้นได้ในวันเดียว เพราะความยาวแต่ละคลิปที่กู้คืนมาได้ ยาวถึงกว่า 8 ชั่วโมง
ทีมสนามข่าว ได้รับรายงานข่าวนี้มาจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ยืนยันว่า แม้กองพิสูจน์หลักฐาน จะสามารถกู้คืนภาพจากฮาร์ดดิสก์ "กล้องหมวกตำรวจ" คดีดาราไต้หวัน ที่ถูกทำลายไปและส่งกลับมาให้ตรวจแล้ว แต่ก็ยังมีอุปสรรคในการตรวจสอบอยู่ว่า ภาพที่ส่งมาให้ตรวจสอบ มาจากกล้องแต่ละตัวที่บันทึกความยาวไม่เท่ากัน เฉลี่ยตัวละประมาณ 8 ชั่วโมง ซึ่งเมื่อนำมารวมกันแล้ว จะได้ความยาวของภาพทั้งหมดประมาณ 24 ชั่วโมง ขณะที่การตรวจสอบต้องใช้คนใน คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ค่อย ๆ พิจารณาไปทีละช่วงเวลา จึงทำให้การตรวจสอบไม่สามารถดำเนินการเสร็จสิ้นได้ภายในวันเดียว ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะมีความชัดเจน ว่ามีภาพหลักฐานใดที่สามารถนำไปใช้ประกอบการดำเนินคดีได้บ้าง
ส่วนการตรวจสอบ โทรศัพท์มือถือของตำรวจทั้ง 14 นาย ที่ทำหน้าที่ประจำด่านคืนวันที่ 4 มกราคม พลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่า ชุดสืบสวนตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว และได้รวบรวมภาพวงจรปิดในมุมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งด่านจนครบทั้งหมด เหลือเพียงตรวจสอบภาพวงจรปิดในมุมอื่น ๆ ที่อาจมีความเกี่ยวข้อง เพื่อประกอบในสำนวนคดี ขณะนี้เชื่อว่าหลักฐานมีเพียงพอต่อการดำเนินคดีได้
สำหรับการตั้งด่านตรวจค้น จุดตรวจ จุดสกัด ที่ พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ปรับแก้ไขรายละเอียดและได้สั่งการ ให้ทุกหน่วยงานนำไปปฏิบัติตาม โดยได้ลงนามคำสั่งนี้ไปเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เรื่องนี้ พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ เปิดเผยกับ คุณศจี วงศ์อำไพ ผู้ประกาศข่าว สนามข่าว 7 สี ของเราว่า รายละเอียดที่สั่งปรับแก้ไขก็เพื่อให้เกิดความรัดกุม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดแบบเดียวกับคดีดาราสาวไต้หวันอีก รายละเอียดที่ปรับแก้ไป ก็อย่างเช่นมีการสั่งการให้ตำรวจต้องใส่เครื่องแบบ และติดกล้องบันทึกภาพ ตลอดเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่, ภาพจากการปฎิบัติหน้าที่ในแต่ละวัน จะต้องนำไปลงบันทึกที่หน่วยรับผิดชอบ และเก็บไว้ไม่ต่ำกว่า 20 วัน, จะต้องลงข้อมูลการตั้งด่านเข้าระบบ และมี "รองผู้บัญชาการ" และ "รองผู้บังคับการ" ควบคุมให้การตั้งด่านเป็นไปตามข้อสั่งการ เป็นต้น
จริง ๆ ที่คุณศจี ไปขอสัมภาษณ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้มีแค่ประเด็นนี้ประเด็นเดียว แต่ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีก ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้น รอติดตามได้ในช่วงสนามข่าว วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์นี้
