ภาพขณะที่ ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ หรือ ตำรวจ PCT นำหมายศาลไปแสดงให้ นายพงศกร หรือ ชายอายุ 43 ปี ดูเพื่อขอทำการจับกุม ระหว่างเดินอยู่ริมถนนในอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ แต่ยังไม่ทันอ่านหมายจับจบ นายพงศกร ก็มีท่าทีขัดขืน พยายามจะหลบหนี ตำรวจจึงต้องใช้กำลังเข้าจับกุมตัว ก่อนพาไปตรวจค้นห้องพักในตำบลสำโรงเหนือ พื้นที่เดียวกัน
พลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมสุธีร์ ในฐานะหัวหน้า PCT ชุดปฏิบัติการที่ 5 ได้ซักถาม นายพงศกร ตามข้อมูลทางการสืบสวนที่พบว่าได้ปลอมโพรไฟล์เป็นหนุ่มหล่อ หน้าตาดี เข้าไปสมัครในแอปพลิเคชันหาคู่ อ้างว่าชื่อ "ธเนศ" ชื่อเล่น "ทอม" เข้าไปสนทนากับผู้เสียหาย หว่านล้อมให้หลงรัก แล้วเปิดเผยรสนิยมทางเพศผิดปกติ เช่นว่า หากจะคบกันต้องหลับนอนกับพ่อของตัวเองก่อน ซึ่งจริง ๆ แล้ว ก็คือตัวผู้ต้องหาเอง จากนั้นก็หลอกให้นำเงินไปลงทุน หลอกให้โอนทรัพย์สินต่าง ๆ ให้ รวมความเสียหายกว่า 1.5 ล้านบาท กระทั่งมาจับได้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องหลอกลวงจึงแจ้งความดำเนินคดี เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
เบื้องต้น นายพงศกร ให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยเป็นทนายความจริง จากนั้นก็เข้าไปพัวพันกับชาวต่างชาติคดียาเสพติด จึงไม่ได้ประกอบอาชีพทนาย ต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ หนีประกันตัวในชั้นศาล และถอดกำไล EM ทิ้ง ส่วนเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าได้ข่มขืน ผู้เสียหาย หรือแบล็กเมล์ ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง แต่เป็นความสมัครใจของฝ่ายหญิงเอง ส่วนเงินที่เคยยืมฝ่ายหญิงมา ยอมรับว่าได้นำไปเล่นพนันออนไลน์จนหมด
ซึ่งคำให้การนี้ ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะไปพบหลักฐานในห้องพัก มีทั้งภาพถ่ายผู้เสียหาย ที่คาดว่า เก็บไว้ใช้แบล็กเมล์หลายภาพ และยังพบภาพผู้หญิงรายอื่นอีกอย่างน้อย 3 คน ที่คาดว่าจะตกเป็นเหยื่อของผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งตำรวจจะขยายผลตรวจสอบ และประสานพื้นที่ต่าง ๆ ที่ออกหมายจับ ให้อายัดตัวไปดำเนินคดี
ส่วนการตรวจสอบประวัติพบว่ามีหมายจับติดตัวมากกว่า 2 หมายจับ และยังมีประวัติเคยก่อคดีติดตัวมาแล้ว 6 คดี ตั้งแต่ปี 2549 เช่น สั่งจ่ายเช็คเด้ง, ลักทรัพย์, ยักยอกทรัพย์, ฉ้อโกง และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งล่าสุดเพิ่งถูกแจ้งข้อหาไปเมื่อปี 2565