เอ๊ะ จิรากร เผย เป็นครั้งแรกที่ถูกทำร้าย ขณะร้องเพลง เผย แม้ขอโทษ ก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขณะที่ผลตรวจร่างกายพบว่า มีเสียงในหูข้างซ้าย ระดับการได้ยินลดลงกว่าเดิม
7 กุมภาพันธ์ เอ๊ะ จิรากร สมพิทักษ์ พร้อม กัน จอมพลัง ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีที่ เอ๊ะ จิรากร ถูกทำร้ายบนเวที ขณะทำการแสดง ที่ สถานบันเทิงแห่ง จ.ปทุมธานี
เอ๊ะ จิรากร เผยว่า ขณะเกิดเหตุ เวลาประมาณ 00.30 น.ก่อนเกิดเหตุชายคนนี้ เดินมามาตนเองแล้ว 1 ครั้ง โดยถือเครื่องดื่มมาให้ตนเองดื่ม แล้วหลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 15 นาที ชายคนนี้ก็เดินมาหาอีกรอบ ซึ่งรอบนี้ตนเองคิดว่า ชายคนนี้อาจจะมาขอเพลง หรือ มาขอถ่ายรูป ตนเองจึงเอื้อมมือไปหาเขา แต่ผู้ก่อเหตุกลับก้าวเท้าขึ้นไปบนสเตจเวที ซึ่งปกติแล้วกฎคือ ลูกค้าจะขึ้นไปไม่ได้ เมื่อผู้ก่อเหตุก้าวเท้าขึ้นมาการ์ดจึงเดินเข้ามาห้าม แต่ตอนนั้นผู้ก่อเหตุได้ชกตนเองไปแล้ว จนเดินเซไป 3 ก้าว โดยยังไม่ทันได้พูดอะไร และหูอื้อไปก่อน หลังจากนั้น การ์ดได้นำตัวผู้ก่อเหตุและเพื่อนออกไปนอกร้าน แล้วผู้ก่อเหตุก็เดินไปที่รถ และไปหยิบอะไรก็ไม่รู้ แต่ทำให้การ์ดถอยกลับเข้ามาที่ร้าน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะขับรถหนีไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น ตนเองก็กลับเข้าห้องพักของศิลปิน และเปลี่ยนรถ เพื่อความปลอดภัย คืนนั้นตนเองไม่กล้ากลับบ้าน จึงไปอยู่ไปเซฟเฮ้าส์ของเพื่อน เพราะกังวล และไม่รู้ว่าพรรคพวกของผู้ก่อเหตุ เยอะแค่ไหน ซึ่งวันต่อมาตนเองยังเดินทางไปเล่นคอนเสิร์ตที่ จ.เชียงราย ด้วยความหวาดระแวง
เอ๊ะ จิรากร บอกอีกว่า เป็นครั้งแรกที่เล่นคอนเสิร์ต แล้วโดนทำร้ายร่างกาย ยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักและมีปัญหากับคู่กรณีมาก่อน ส่วนที่คู่กรณีเข้าไปมอบตัว อ้างว่า มาแย่งไมค์เพื่อประกาศตามหาแฟน ตนรู้สึกงงว่าเกี่ยวข้องอะไรกับแฟน เพราะมาที่ร้านยังไม่ถึง 30 นาที ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เมื่อวานนี้ ได้ไปตรวจร่างกายมาแล้วเบื้องต้น ผลตรวจร่างกายจากโรงพยาบาล พบว่า มีเสียงในหูข้างซ้าย ระดับการได้ยินลดลงกว่าเดิม ถ้าคู่กรณีมาขอโทษ ตนจะรับทราบเอาไว้ แต่ยืนยันว่า จะไม่เจรจา และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง หลังจากนี้เวลาเดินทางไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหน ก่อนถึงเวลาเล่นจะรออยู่บนรถตู้ก่อน พอเล่นคอนเสิร์ตเสร็จจะรีบขึ้นรถตู้กลับทันที เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง อยากให้ทุกร้านดูแลความปลอดภัยของศิลปินให้มากกว่านี้
ด้าน กัน จอมหลัง เปิดเผยว่า ตั้งข้อสงสัยไว้ว่าคู่กรณี มีความแค้นส่วนตัวกับ หรือมีปัญหากับทางร้านหรือไม่ หรืออยากดังหรือไม่ เลยทำตามให้เป็นกระแส ถ้าคู่กรณีมาขอโทษพี่เอ๊ะจะรับทราบไว้ ไม่ได้ใจร้าย แต่ถ้าขอโทษแล้วจบ จะเป็นตัวอย่างให้คนอื่นทำตาม อยากทำให้เป็นบรรทัดฐาน คนก่อเหตุต้องรับผิดชอบ พี่เอ๊ะมาสร้างความสนุกสนาน ไม่ใช่มาขายเรือนร่าง ให้คนอื่นมาทำร้ายแบบนี้ ซึ่งตอนนี้ทราบชื่อผู้ก่อเหตุทุกคนแล้ว
ถ้าคู่กรณีมั่นใจว่ามี ผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือ ใครที่เป็นเจ้าของปลอกคออยู่ คิดให้ดีว่าลูกน้องมาทำแบบนี้ถูกต้องหรือไม่ ถ้าคิดว่าทำถูกต้องแล้ว อยากจะช่วยให้ออกมาเลย อยากฝากถึงคู่กรณีว่า อย่าห้าวเพราะคนห้าวกินข้าวผ่านธูป
