ถกไม่เถียง - กลุ่มผู้ขายของในสถานีรถไฟชุมพร ที่อ้างว่าเป็นผู้ได้รับสัมปทาน ไม่พอใจ 2 สามีภรรยาที่มาขายอาหารอิสลามบนตู้โบกี้ ก่อนจะเรียกพวกรุมทำร้ายต่อหน้าผู้โดยสารนับพันคน โชคดีมีทหารที่โดยสารมากับรถไฟลงมาห้ามไว้ได้ มิเช่นนั้นอาจถึงตาย
นางสาวกัลยรัตน์ ทรัพย์สายทอง ชาวจังหวัดชุมพร ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เวลา 22.00 น. ตนเองพร้อมด้วย นายวรชัย กุยุคำ สามี ซึ่งมีอาชีพขายข้าวหมกไก่ใส่กล่อง และขายเฉพาะบนตู้โบกี้โดยสารเท่านั้น โดยแต่ละวันตนเองพร้อมสามีจะขับรถยนต์ไปจอดที่สถานีรถไฟปะทิว แล้วจะซื้อตั๋วโดยสาร คนละ 57 บาท พร้อมค่าระวางอีกคนละ 20 บาท แล้วจะเดินเร่ขายบนตู้โบกี้ ซึ่งขบวนรถไฟที่ตนเองขึ้นมาขายประจำ
โดยในวันเกิดเหตุ ขณะที่รถไฟขบวน 171 กำลังจอดเทียบชานชลา ก็ได้มีชาย-หญิง ซึ่งทราบภายหลังเป็นสามีภรรยากัน ได้ขึ้นมาบนขบวนรถพร้อมกับชี้หน้าต่อว่าตนเอง ว่ามีสิทธิอะไรมาขายของที่สถานีรถไฟแห่งนี้ ซึ่งเขาอ้างว่าเขาได้รับสัมปทานมาถูกต้อง ซ้ำพูดดูถูกด้วยถ้อยคำหยาบคายหลายอย่าง และยังเรียกตนเองว่า พวกแม่ค้าเร่เถื่อน ซึ่งตนเองได้พยายามเจรจาชี้แจงด้วยคำสุภาพ แต่ไม่เป็นผล ทั้งสามีภรรยากับต่อว่าหนักขึ้น และเสียงดัง จนผู้โดยสารทั้งบนรถและที่รอเตรียมขึ้นรถต่างหันมาดูเป็นตาเดียว
จากนั้นตนเองกับสามีได้ลงรถ และกำลังวางของลงที่ชานชลา ฝ่ายผู้หญิงก็ได้ปรี่เข้ามากระชากแขนตนเองพร้อมต่อว่าอีก ตนเองได้สะบัดแขน และตอบกลับไปว่า อย่ามาจับแขนตน แล้วก็ไปชี้แจงให้เขาฟัง แต่พูดได้ไม่กี่คำ ก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์เกือบ 10 คน เข้ามารุมเตะต่อยตนเอง และกระทืบสามีตนเอง จนล้มลุกคลุกคลาน ผู้โดยสารทั้งบนรถและที่อยู่บนชานชลาแตกตื่นต่างวิ่งหนี โชคดีที่มีพลเมืองดีเข้ามาช่วย โดยเฉพาะมีทหารคนหนึ่งที่โดยสารมากับรถขบวนนี้ ได้วิ่งลงมาและได้ช่วยเหลือตนเอง จนรอดเงื้อมมือพวกอันธพาลกลุ่มนี้ จากการตรวจสอบร่างกายสามีตนเองถูกฟันเข้าที่แผ่นหลัง ที่ศีรษะ
ตนเองรู้สึกเจ็บใจมาก โดยเฉพาะผู้ชายที่ใจร้าย โหดร้ายมาก เข้ามาเตะตนเองเข้าบริเวณชายโครงจนจุก และตนเองกำลังตั้งท้อง 3 เดือนอีกด้วย ซึ่งตนเองจะไม่ยอมความแต่อย่างใด จะแจ้งความดำเนินคดีกับพวกนี้ให้ถึงที่สุด
