อุทยานยังวุ่น! อดีตอธิบดีฟ้อง ม.157 ชัยวัฒน์-ผบก.ปปป. ล่อซื้อจับกุม

อุทยานยังวุ่น! อดีตอธิบดีฟ้อง ม.157 ชัยวัฒน์-ผบก.ปปป. ล่อซื้อจับกุม

View icon 173
วันที่ 14 ก.พ. 2566 | 15.26 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
อุทยานยังวุ่น! อดีตอธิบดีฟ้อง ม.157 ชัยวัฒน์-ผบก.ปปป. ล่อซื้อจับกุม แฉแรงแค้นจากโครงการปลูกป่าแก่งกระจาน ศาลนัดไต่สวนโจทก์ 23 ก.พ.นี้

วันนี้(14 ก.พ.2566) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติชอบกลาง นัดฟังคำสั่งคดีที่ นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ฟ้องดำเนินคดี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. และนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมพวกรวม 7 คน หลังจากที่ตำรวจ บก.ปปป. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เข้าจับกุมกรณีเรียกรับเงินจากหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด โดยมีการล่อซื้อ ติดกล้องวงจรปิด และพบเงินสดบนโต๊ะทำงาน เกือบ 5 ล้านบาท ซึ่งนายรัชฎา ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ความผิดต่อเสรีภาพ, ทำพยานหลักฐานเท็จฯ, เจ้าพนักงานแกล้งให้ต้องรับโทษ บุกรุก ซ่องโจร ผิด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ

นายรัชฎา อ้างว่า จำเลยทั้งหมดวางแผนพูดคุยล่อให้ตกลงรับเงิน และยังเผยแพร่ข้อมูลบันทึกวิดีโอให้สื่อมวลชนนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทำให้ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมกับนำสืบพยานรวม 30 รายการ ทั้งพยานบุคคลและเอกสาร รวมทั้งขึ้นสืบพยานด้วยตัวเอง

นายรัชฎา ยังกล่าวอ้างว่า นายชัยวัฒน์ เป็นผู้มาติดต่อพบในวันเกิดเหตุที่ห้องทำงาน โดยไม่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้า และนำซองสีขาวบรรจุเงิน จำนวน 3 ซอง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 98,000 บาท มามอบให้เพื่อให้ตำรวจเข้าจับกุม

โดยวันนี้ ทนายความโจทก์ มาศาลซึ่งศาลพิจารณาจากคำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่า บางส่วนยังฟ้องไม่ถูกต้องในความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากโจทก์ยังไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดว่าผู้ถูกฟ้องละเมิดอย่างไร และต้องชี้ช่องพยานหลักฐานเพื่อให้ศาลนำสืบ และยื่นฟ้องใหม่ภายใน 15 วัน

ส่วนการฟ้องฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ความผิดต่อเสรีภาพ ,ทำพยานหลักฐานเท็จฯ, เจ้าพนักงานแกล้งให้ต้องรับโทษ บุกรุก ซ่องโจร ศาลมีคำสั่งให้นายรัชฎา ในฐานะโจทก์ต้องมาไต่สวนถึงพฤติการณ์ก่อนและในขณะถูกจับกุมในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 09.30 น. หากไม่เดินทางมาไต่สวนด้วยตัวเองถือว่าไม่ประสงค์ฟ้องคดีต่อ

นอกจากนั้นศาลมีคำสั่งให้ออกหนังสือสอบถามไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้ทำรายงานมายังศาลใน 4 ประเด็น คือ
1. มูลเหตุการเข้าจับกุมนายรัชฎาที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา
2. ชี้แจงขั้นการจับกุมว่ามีหมายค้น หรือหมายจับนายรัชฎาหรือไม่
3. การบันทึกภาพ เสียงของชุดจับกุมมีการนำภาพไปเผยแพร่หรือไม่ ซึ่งการนำไปเผยแพร่เกี่ยวข้องกับการทำคดีหรือความลับทางราชการหรือไม่
4. เงินจำนวน 98,000 บาท รวมทั้งพยานหลักฐานที่ตรวจยึดในห้องทำงานที่ยึดไปมีการบันทึกจับกุมไว้หรือไม่ โดยให้ตำรวจทำรายงานส่งให้ศาลภายใน 30 วันหลังจากได้รับหนังสือ และนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาทางคดีในวันที่ 30 มีนาคมนี้ เวลา 09.30 น.

นายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความของนายรัชฎา เปิดเผยว่า เตรียมแก้คำฟ้องตามคำสั่งของศาลและจะยื่นฟ้องใหม่ให้ทันตามกรอบเวลาที่ศาลกำหนด และนายรัชฎา จะมาไต่สวนที่ศาลด้วยตัวเองในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมยังยืนยันว่าการเข้าตรวจค้นจับกุมของเจ้าหน้าที่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ต้องมาฟ้องให้ศาลดำเนินคดีตามข้อหาดังกล่าว

นายวราชันย์ ยังบอกถึงสาเหตุของการเข้าจับกุมของตำรวจ และนายชัยวัฒน์ ในครั้งนี้เกิดขึ้นมาจากการร้องให้ตรวจสอบกรณีที่นายชัยวัฒน์ เมื่อสมัยที่ยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยเมื่อปี 2555 มีการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อนำไปทำโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 4,200 ไร่ ภายในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มูลค่ากว่า 14 ล้านบาท แต่ไม่มีการดำเนินการตามโครงการดังกล่าว จึงร้อง ปปท.ตรวจสอบ ซึ่งทาง ปปท.ได้ส่งเรื่องให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตรวจสอบ กระทรวงจึงดำเนินการต่อ แต่เมื่อนายชัยวัฒน์เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการ คดีได้ส่งมาถึงสำนักงาน ป.ป.ช. แล้วและอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาชี้มูลความผิด ซึ่งกำลังจะหมดอายุความในเดือนมีนาคม 2566

นายวราชันย์ ยังบอกว่า โครงการนี้มีการเบิกจ่ายงบประมาณเป็น 3 งวด โดยงวดแรกได้เบิกงบไปในวันที่ 29 มีนาคม 2556 แต่โครงการดังกล่าวไม่มีการปลูกป่าจริง ทำให้กระทรวงฯ ได้รับความเสียหาย ซึ่งตัวแทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนท้องที่รับผิดชอบในจังหวัดเพชรบุรีต่อไป ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างรอการลงนามจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งเชื่อว่าเหตุการณ์นี้เป็นต้นเหตุทำให้นายชัยวัฒน์ ไปร่วมกับตำรวจ บก.ปปป. วางแผนล่อซื้อให้เข้าจับนายรัชฎา จนทำให้เกิดความเสียหาย

นายวราชันย์ ยังเตรียมยื่นฟ้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. เพิ่มเติมอีก 1 สำนวน เนื่องจากเข้าข่ายความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเช่นกัน ส่วนสำนวนคดีนี้เป็นการฟ้องนายชัยวัฒน์ และตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนกรณีที่นายรัชฎา อ้างว่าเงินที่ได้รับจากหน่วยงานในสังกัดเป็นการนำไปสร้างพระบรมราชนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 จำลอง เพื่อหาเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือข้าราชการสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติฯ นั้น นายวราชันย์ ยืนยันว่า ข้อมูลในส่วนดังกล่าวยังไม่ขอเปิดเผย เนื่องจากเป็นข้อมูลในการใช้ต่อสู้ทางคดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง