เช้าข่าว 7 สี - เรื่องที่ "เฮียโต" ออกมาร้องเรียนว่าถูกลูกชาย ร่วมมือกับลูกสะใภ้ กรอกยาให้ป่วย แล้วฮุบสมบัติกว่า 60 ล้านบาท ต้องแกล้งป่วยให้คนตายใจ จนได้ออกมาเปิดเผยความจริง เมื่อวานนี้ ตำรวจก็ได้เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 3 จุด พร้อมเรียกพยานเข้าสอบปากคำ เพื่อหาหลักฐานในคดี
เมื่อวานนี้ พลตำรวจตรี นเรวิช สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดีของ นายสมศักดิ์ หรือ "เฮียโต" อายุ 67 ปี เจ้าของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า และรับเหมาเดินสายไฟ ซึ่งได้เข้าแจ้งความว่าถูกลูกชาย และลูกสะใภ้ กรอกยามานานกว่า 2 ปี หวังให้ป่วย แล้วจัดฉากร้องต่อศาลให้เป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ ก่อนยักย้ายทรัพย์สินจำนวนกว่า 65 ล้านบาท
หลังการประชุม ตำรวจก็เข้าค้นเป้าหมาย 3 จุด จุดแรกเป็นบ้านพ่อ-แม่ของลูกสะใภ้เฮียโต ที่ใช้เป็นที่กักขังทรมานนายสมศักดิ์ และภรรยา จุดที่ 2 เป็นบ้านพักของลูกชาย อยู่ในพื้นที่อำเภอบ้านโพธิ์ และจุดที่ 3 บ้านพักของ นายสมศักดิ์ ในพื้นที่ตำบลเทพราช ตำรวจบอกว่าคดีเกิดนานแล้ว ก็เลยต้องหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ให้ได้มากที่สุด รวมถึงตรวจสอบเส้นทางการเงินของลูกชาย ว่ามีการโอนย้ายไปที่ใดบ้าง ที่สำคัญ คือนำตัว "เฮียโต" ไปตรวจหาสารตกค้างในร่างกาย เพื่อใช้ประกอบสำนวนคดี พร้อมทั้งออกหมายเรียก พยานจำนวน 10 ปาก ซึ่งเป็นสมาชิกในครอบครัว เข้าให้ปากคำด้วย เบื้องต้นให้ข้อมูลว่า "เฮียโต" ป่วยอัลซไฮเมอร์ จึงต้องกักขัง ทั้งนี้อีก 2 วัน ลูกชายและลูกสะใภ้ของ "เฮียโต" จะเดินทางกลับจากต่างประเทศ เพื่อเข้าให้ปากคำด้วย
สำหรับคดีนี้ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก จั่วหัวว่า คดีกักขัง "เฮียโต" ระวังจะโอละพ่อ บอกได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือในพื้นที่ พอตรวจสอบแล้วก็ตั้งประเด็นข้อสงสัย คือ
1.คดีเกิดมานาน 3 ปีแล้ว พยานหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าเป็นการจัดฉากฆาตกรรม ไม่น่าจะมีเหลือแล้ว
2.การเข้าค้นจุดเกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยผิดปกติว่าจะมีการกักขังหน่วงเหนี่ยว
3.มีพยานยืนยันว่า "เฮียโต" เดินเข้า-ออก บ้านพักได้ เดินไปส่งจดหมายที่ไปรษณีย์ได้ ไม่น่าจะเป็นการถูกกักขังตามที่อ้าง เพราะหากจะหนีก็สามารถทำได้
4.การเสียชีวิตของภรรยา "เฮียโต" ผลการชันสูตรยืนยันว่าไม่ใช่การผูกคอตาย และประเด็นสุดท้าย มีการฟ้องร้องแบ่งมรดกในคดีแพ่งกันอยู่ แต่ทำไมถึงมาแจ้งความในคดีอาญา
ทนายเดชา ยังบอกว่า ตนออกมาโพสต์ตั้งข้อสงสัยตามข้อมูลที่ได้รับมาเท่านั้น ยังไม่ได้รับว่าความในคดีนี้แต่อย่างใด