อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ แจงที่มาของเงิน วันที่โดนจับกุม

View icon 83
วันที่ 24 ก.พ. 2566 | 07.09 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - เมื่อวานนี้ (23 ก.พ.) ถือเป็นครั้งแรกที่อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ออกมาเปิดใจกับสื่อ ชี้แจงทุกประเด็นเรื่องการเรียกรับเงินใต้โต๊ะ 5.9 ล้านบาท หลังถูกจับกุม บอกเรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง ตัวเองโดนกลั่นแกล้งจากความไม่พอใจของผู้ร้องที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องที่ดิน 14 ล้านบาท

โดย นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยืนยันว่าตัวเองไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์ตามที่ถูกกล่าวหา เชื่อว่าสาเหตุที่ถูกจับกุม มาจากกรณีที่ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 ไม่พอใจที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องเบิกจ่ายโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 4,200 ไร่ เป็นเงินกว่า 14 ล้านบาท เมื่อปี 2562 ซึ่งคดีใกล้จะหมดอายุความในวันที่ 29 มีนาคมนี้

ส่วนเงินสดของกลางที่พบในห้องทำงาน ชี้แจงกับสื่อว่า ต้องแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ เงินส่วนตัวที่เก็บไว้ในลิ้นชัก, เงินที่ข้าราชการรวบรวมเงินบริจารเพื่อนำไปช่วยเหลือโครงการพ่อแม่อุปถัมภ์ ช่วยเหลืออาหารสัตว์ป่าของกลางที่ถูกยึดไว้ และเงินเช่าพระบรมรูป เพื่อเข้าโครงการสวัสดิการฯ และทุกบาททุกสตางค์มีที่มาที่ไป ไม่ใช่การเรียกรับผลประโยชน์

อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ชี้แจงมาแบบนี้ สนามข่าว 7 สี ยกหูสอบถามไปยังนายชัยวัฒน์ บอกกับเราว่า คำชี้แจงของนายรัชฎาที่บอกว่าเงินที่เจอขณะถูกจับกุมเป็นเงินส่วนตัว เงินบริจาคที่จะนำไปใช้โครงการต่าง ๆ ภายในกรมฯ คิดว่าเชื่อได้หรือไม่ พร้อมถามกลับมายังทีมข่าวด้วยว่า แล้วสื่อเชื่อหรือไม่ ต้องไปถามสังคมดู เงินวางกองบนโต๊ะมากมายขนาดนั้น ตอนแรกไม่ยอมเปิดให้ดูด้วย

ส่วนกรณีที่อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ อ้างว่า นายชัยวัฒน์ ไม่พอใจที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องเบิกจ่ายโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 4,200 ไร่ เป็นเงินกว่า 14 ล้านบาท เมื่อปี 2562 ซึ่งคดีใกล้จะหมดอายุความในวันที่ 29 มีนาคมนี้ เป็นเหตุให้ถูกกลั่นแกล้ง เรื่องนี้ นายชัยวัฒน์ ขี้แจงว่า แล้วการไม่พอใจกับการทุจริตมันเรื่องเดียวกันหรือไม่ ถ้าตัวเองยอมรับว่าโกรธแล้วยังไง ในเมื่อมนุษย์ทุกคนสามารถมีความรู้สึกได้ แต่การกระทำความผิด เมื่อทุจริตก็คือทุจริต ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่อารมณ์

ด้าน พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการ ปปป. ยืนยันกับสนามข่าว 7 สี ว่าการจับกุมดังกล่าวไม่ใช่การกลั่นแกล้ง เพราะผู้ร้องนำหลักฐานมาให้ตรวจสอบหลายวันก่อนดำเนินการ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ถ้านายรัชฎายืนยันความบริสุทธิ์แต่ต้น ทำไมถึงไม่ปฏิเสธเมื่อมีคนมาเสนอ การรับนั้นถือว่าเป็นการสมยอมตามกฎหมายหรือไม่ เข้าข่ายผิดกฎหมายใช่หรือไม่ ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง 13 ปาก มีจำนวนไม่น้อยที่ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี หลังจากนี้ต้อง รอ ป.ป.ช. ชี้มูลว่ามีความผิดหรือไม่