ข่าวเด็ด 7 สี - วันนี้เราจะมาขยี้ข่าวใหญ่ ที่สังคมยังให้ความสนใจ โดยเฉพาะเด็กนักเรียน และผู้ปกครอง กับการปฏิวัติทรงผมนักเรียนครั้งใหญ่ จนได้ "เสรี ทรงผมนักเรียน" มาครอง แต่มีวงเล็บว่าเฉพาะ "บางโรงเรียน" เพราะตอนนี้กระทรวงศึกษาธิการ ได้โยนอำนาจให้ทางโรงเรียนวางกฎเกณฑ์เอง ซึ่งก็มีบางโรงเรียนเท่านั้น ที่เปิดกว้างเต็มที่ อยากไว้ยาว อยากไว้สั้น ก็สามารถทำได้
เดินหน้าเรียกร้อง จุดเปลี่ยนระเบียบทรงผมนักเรียน
แต่ก่อนจะมาถึงจุดนี้ ก็ผ่านการเรียกร้องเสรีภาพ ด้านทรงผมนักเรียนกันมานาน โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนเลว ที่ออกมาเดินหน้าขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจัง บุกไปเจอทั้งรัฐมนตรีว่าการทรวงศึกษาธิการแต่ละยุค มีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หลายหลายรูปแบบ ถือป้ายเรียกร้อง ตัดผมประชด และยังเดินหน้าแฉโรงเรียนที่บังคับตัดผมเด็ก จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ เป็นข่าวกันเรื่อยมา
ซึ่งก่อนหน้านี้ ระเบียบเรื่องทรงผมนักเรียน ที่บังคับใช้กันจริงจัง เป็นระเบียบปี 2563 ที่ระบุว่าไว้ชัดเจนว่านักเรียนชาย-หญิง จะไว้ผมสั้น หรือยาวก็ได้ ถ้าผู้ชาย ความยาวด้านข้าง ด้านหลัง ต้องยาวไม่เกินตีนผม ส่วนผู้หญิงผมยาว ต้องรวบให้เหมาะสม ห้ามทำสี ดัดผม ไว้หนวดเครา ซึ่งแม้ประกาศฉบับนี้ ไม่มีตรงไหน ที่บังคับให้ตัดผมสั้นเกรียน และผู้หญิง ให้ไว้ผมเท่าติ่งหู แต่หลายโรงเรียน ก็ยังวางกฎให้ตัดแบบเดิม จนมีการเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการ ปรับแก้ประกาศ ออกมาให้อิสระชัด กว่านี้
จนสุดท้าย นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงนาม ออกประกาศ ยกเลิกระเบียบทรงผมนักเรียน พ.ศ.2563 มีผลเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
และออกแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการไว้ทรงผมนักเรียน นักศึกษา แบบกว้าง ๆ คือ จะไว้ผมสั้น หรือ ผมยาวก็ได้ โดยให้สถานศึกษา กำหนดลักษณะทรงผมได้ ตามพันธกิจ บริบท และความเหมาะสม แต่ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากนักเรียน คณะกรรมการสภานักเรียน คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง หรือผู้แทนผู้ปกครอง ชุมชน ท้องถิ่น มี 1 โรงเรียนปรับแก้แล้ว
นักเรียน รร.มัธยมวัดธาตุทอง ยิ้มรับระเบียบทรงผมใหม่
ผมลงพื้นที่ไปคุยกับน้อง ๆ นักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง ที่เปิดเสรีทรงผมนักเรียนเต็มที่ ที่นี่มีนักเรียนชาย-หญิง ม.ต้น-ม.ปลาย กว่า 1,400 คน น้อง ๆ แต่ละคนดูมีความสุข ที่ไม่ต้องคอยหลบ เวลาที่คุณครูเรียกตรวจทรงผมแล้ว เพราะเมื่อก่อนจะตรวจทรงผมกัน 2 สัปดาห์ 1 ครั้ง บางคนก็เลือกที่จะไม่มาเข้าแถวหน้าเสาธงตอนเช้า เลี่ยงไม่ให้โดนตรวจทรงผม แต่ตอนนี้มั่นใจมากขึ้นที่ได้ไว้ทรงผม ตรงตามบุคลิกของตัวเอง จากการสังเกต ก็แทบจะไม่เจอนักเรียนทรงผมสั้นเกรียนแล้ว ซึ่งที่นี่ได้นำร่อง เปิดเสรีด้านทรงผมนักเรียนมาก่อนหน้านี้ สักระยะแล้ว
มาดูกัน ว่าที่โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง เปิดเสรีทรงผมนักเรียนขนาดไหน นักเรียนชาย และเพศวิถีชาย จะไว้ผมสั้น หรือผมยาวก็ได้ แต่ให้เหมาะสม เรียบร้อย นักเรียนหญิง และเพศวิถีหญิง จะไว้ผมสั้น หรือผมยาวก็ได้ ถ้าผมยาวให้รวบผม ติดโบว์ของโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง ให้เรียบร้อย พูดง่าย ๆ ถ้านักเรียนชาย ที่เป็นกลุ่ม LGBTQ ที่อยากจะไว้ผมยาว ก็ได้เลย หรือน้องผู้หญิง ที่อยากไว้ผมสั้น เท่ ๆ ก็จัดได้ แต่รวม ๆ แล้วต้องดูให้เรียบร้อย แต่ห้ามย้อมสีผม ห้ามไว้หนวด เครา ห้ามตัดแต่งทรงผมเป็นรูปทรง สัญลักษณ์ หรือลวดลาย
รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ย้ำ ออกระเบียบทรงผมนักเรียน ต้องฟังความคิดเห็น
ด้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คุณตรีนุช ก็บอกว่า เด็กแฮปปี้ รัฐมนตรีก็แฮปปี้ ส่วนบางโรงเรียน ยังคุมเข้มอยู่ จะเกิดความไม่เท่าเทียมหรือไม่ ท่านบอก ต้องดูว่าสถานศึกษาแต่ละแห่ง มีเป้าหมาย มีวิสัยทัศน์อย่างไร และหากจะกำหนดระเบียบทรงผม จะต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย และกำชับให้ทุกโรงเรียน เร่งยกร่างระเบียบทรงผมของโรงเรียนตัวเอง ให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน
นักวิชาการห่วงความไม่เท่าเทียม ออกกฎทรงผมนักเรียน
ส่วนมุมของนักวิชาการด้านการศึกษา ผมไปคุยกับศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์สมพงษ์ จิตระดับ บอกว่า เห็นด้วยกับการปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย
เพราะถ้าเด็กมีความสุข จะเกิดพลังแห่งการเรียนรู้ แต่ต้องดูให้เหมาะสม ไม่ควรย้อมผม ไว้หนวด ไว้เครา แต่ยังเป็นห่วงช่องว่างระหว่างโรงเรียน อาจทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมในหมู่เด็ก ๆ / กระทรวงศึกษาธิการ ควรออกหลักเกณฑ์กว้างๆ แต่ชัดเจนเรื่องหลักการ เพื่อให้โรงเรียนนำไปปฏิบัติ และตีความไปในทิศทางเดียวกัน
สุดท้ายแล้ว การเปิดเสรีทรงผมนักเรียน อาจจะช่วยเพิ่มความมั่นใจ สร้างความสุขให้กับเด็ก ในการมาโรงเรียน แต่บางโรงเรียนก็ยังมีเหตุผล ความจำเป็น ที่ต้องยึดแนวปฏิบัติแบบเดิมไว้ อย่าง ผอ.โรงเรียนท่านหนึ่ง ที่จังหวัดกำแพงเพชร ให้ข้อมูลว่า สามารถยืดหยุ่นได้เต็มที่ คือ เด็กผู้ชาย ม.ต้น ไม่ต้องไว้ผมสั้นเกรียน ให้ไว้รองทรงได้ แต่ปล่อยมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาเจอคนสวมรอย เป็นนักเรียน เข้ามาทำสิ่งผิดกฎหมายในโรงเรียน และบางครั้งก็แยกไม่ออก ทำให้จำเป็นต้องยึดระเบียบเดิมไว้ ยังไงก็ตามการออกระเบียบของแต่ละโรงเรียน ก็ต้องฟังเสียงให้รอบด้าน และสุดท้ายควรมีการประเมินผลสักนิดก็จะดีว่า เสรีที่เกิดขึ้นส่งผลต่อการเรียนอย่างไร หรือไม่
