ตำรวจบุกค้นบริษัท สารวัตรซัว หาหลักฐานเอาผิด

View icon 58
วันที่ 4 มี.ค. 2566 | 05.27 น.
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์
แชร์
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - เดิมมีแผนว่าจะมีการประชุมหารือกันเกี่ยวกับคดี "สารวัตรซัว" แต่ไป ๆ มา ๆ กลับไม่ได้ประชุมแล้ว เปลี่ยนไปเป็นปฏิบัติการตรวจค้นแทน แถมค้นพร้อมกัน 63 จุด ใน 5 จังหวัด ทั้งจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับเว็บฯ พนันออนไลน์ และหาหลักฐานดำเนินคดีกับ "สารวัตรซัว" ด้วย

โดย 1 ใน 63 เป้าหมาย อยู่ในซอยรามอินทรา 5 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำหมายศาลเข้าตรวจค้น อาคารบริษัทเอกชน 2 หลัง ในเครือ "เป็นต่อ" กรุ๊ป ที่มีรั้วติดกัน ซึ่งเมื่อไปถึงยังพบว่าบริษัททั้งสองแห่งยังมีคนเข้าไปทำงานตามปกติ หลังตำรวจแสดงหมายศาล ก็ได้ขอตรวจยึดเอกสารเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน และธุรกรรมการเงินของทุกบริษัทในเครือฯ รวมถึงขอนำกล้องวงจรปิดการ เข้า-ออก อาคาร ไปตรวจสอบด้วย

ขณะที่อีกจุดหนึ่ง ไม่ใช่แค่หาหลักฐานเชื่อมโยงกับ "สารวัตรซัว" เท่านั้น แต่ยังเข้าจับกุม นายธีรพงศ์ หรือ "จิ๋ว" คนสนิทของ "สารวัตรซัว" ที่บ้านพักย่านรามอินทรา ในคดีฉ้อโกงประชาชน หลังสืบสวนขยายผลมาจากคดีปี 2560 ที่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปหลอกให้สาวแอร์โฮสเตสโอนเงิน 5 ล้านบาท เข้าบัญชีม้า และต่อมาตำรวจจับกุมเจ้าของบัญชีได้ พบว่าเชื่อมโยงกับบริษัทในเครือ "เป็นต่อ" กรุ๊ป และ นายจิ๋ว จึงรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับ

ส่วนการตรวจค้นบ้านพักได้อายัดทรัพย์สิน โฉนดที่ดิน สมุดบัญชีธนาคาร รถยนต์ราคาแพง นำไปตรวจสอบที่มาที่ไปว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่

พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปแถลงสรุปผลปฏิบัติการตรวจค้นดังกล่าว โดยระบุว่า ตำรวจนำหมายจับผู้ต้องหา 14 หมายจับ ไปตรวจค้นเป้าหมาย 63 จุด ใน 5 จังหวัด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 6 คน ซึ่งนอกจาก "นายจิ๋ว" แล้ว อีก 5 คน ที่เหลือ เป็นการจับกุมในความผิดฐาน ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันฯ และร่วมกันฟอกเงิน มีการตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท ไว้ตรวจสอบ

พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ ระบุว่า การตรวจค้นดังกล่าว ตำรวจพบหลักฐานสำคัญที่เชื่อได้ว่า "สารวัตรซัว" และบริษัทในเครือกว่า 30 แห่ง มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บฯ พนันออนไลน์จริง โดยเฉพาะ "นายจิ๋ว" ที่พบการสั่งจ่ายเงินจากเว็บฯ พนันไปยังกลุ่มกลุ่มอื่น ๆ กว่า 300 ล้านบาท

ด้าน พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่า กลุ่มบริษัทในเครือ "เป็นต่อ" กรุ๊ป ส่วนใหญ่จัดทำบริษัทผลิตเกมส์, ผลิตโปรแกรม, พัฒนาซอฟต์แวร์, จัดการบัญชี, จดทะเบียนพาณิชย์, จัดการการเงิน และทำการตลาด ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่ามีบริษัทกว่า 30 แห่ง ที่อยู่ในเครือฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ จึงได้เข้าระงับการดำเนินกิจการไว้ทั้งหมด

สำหรับพฤติการณ์เชิงลึกของ "สารวัตรซัว" ในอดีตเริ่มจากการเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มขนาดเล็ก ก่อนจะค่อย ๆ ขยายธุรกิจ และซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูปจากต่างประเทศมาพัฒนาและจัดขายให้กับกลุ่มที่ทำธุรกิจเว็บฯ พนันออนไลน์ โดยมีในลักษณะของการแบ่งเปอร์เซ็นต์กัน

ส่วนการสืบสวนกรณีมีตำรวจยศ "พลตำรวจโท" นายหนึ่ง เกี่ยวข้องกับ "สารวัตรซัว" เนื่องจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินไม่แล้วเสร็จ จึงยืนยันไม่ได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันจริงหรือไม่ แต่ยืนยันว่า หากตรวจสอบพบก็จะดำเนินการเด็ดขาด