ทำเนียบขาวเผย ผู้นำสหรัฐฯ ได้หารือกับผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย กรณีวิกฤตธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ ล้ม ขณะที่ นักลงทุนเรียกร้องทางการเร่งหาผู้เข้าซื้อธนาคารดังกล่าว หวั่นธนาคารล้มเป็นโดมิโน
ทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้มีการพูดคุยกับผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ถึงกรณีธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ (Silicon Valley Bank) ซึ่งนับเป็นวิกฤตธนาคารครั้งใหญ่สุด นับตั้งแต่ปี 2551 โดยระบุว่ารัฐบาลกลางจะเข้าให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ขณะที่ กลุ่มผู้ลงทุนและผู้บริหารธุรกิจภาคการเงินต่างมีความกังวลเพิ่มขึ้น รวมทั้งเรียกร้องให้ทางการสหรัฐฯ เร่งหาผู้เข้าซื้อและควบรวมธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ โดยเร็วที่สุดภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพราะกลัวว่าธนาคารระดับภูมิภาคอื่น ๆ ของสหรัฐฯ อาจล้มต่อกันเป็นโดมิโน
ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ ซึ่งเป็นธนาคารสำหรับกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพ ถูกทางการสหรัฐฯ สั่งปิด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังคนแห่ถอนเงินออกจากธนาคาร จนทำให้มูลค่าในตลาดของธนาคารสหรัฐฯ หายไปมากกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ก่อนที่บรรษัทประกันภัยเงินฝาก (Federal Deposit Insurance Corporation) จะเข้ามาเป็นผู้ดูแลสินทรัพย์รวม 209,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของธนาคารดังกล่าว
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ มาจากหลายปัจจัย รวมทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยายามแก้ไขภาวะเงินเฟ้อ และการที่ธนาคารประกาศผลขาดทุนจากการขายพันธบัตรราว 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และประกาศจะขายหุ้นมูลค่า 2,250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อเติมเต็มช่องว่างในการระดมทุน ยิ่งทำให้ลูกค้าแห่ถอนเงินจนธนาคารขาดสภาพคล่อง และถูกสั่งปิดในที่สุด
ขณะเดียวกัน ประชาชนจำนวนมากพากันไปแห่ถอนเงินออกจากธนาคารเฟิร์ส รีพับลิก (First Republic Bank) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย หลังลูกค้ากังวลว่าธนาคารจะประสบวิกฤตเช่นเดียวกับธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ เนื่องจากมีนักวิเคราะห์ออกมาประเมินมูลค่าสินทรัพย์ของธนาคารเฟิร์ส รีพับลิก เทียบกับมูลค่าที่แท้จริง ว่ามีความใกล้เคียงกันกับธนาคารซิลิคอน วัลเลย์